What’s in Bag : Patrick Reed

แม้จะถือว่าเป็นม้ามืด แต่ก็คงปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาคือคนที่เล่นได้สม่ำเสมอที่สุดตลอดทั้ง 4 วัน และคู่ควรแก่ได้สวมใส่กรีนแจ็คเกตมากที่สุด สำหรับ “แพทริค รีด”

รีด เคยเล่นที่ออกัสต้ามาก่อนหน้านี้ 4 ครั้ง แต่ไม่ผ่านตัดตัวถึง 2 ครั้ง แต่กลับปีนี้เขาทำผลงานได้อย่างน่าประทับใจ โดยเฉพาะหลังจากจบรอบ 3 สามารถตุนสกอร์หนีห่างได้ถึง 3 สโตรก และแม้รอบสุดท้ายจะถูกไล่กดดันอย่างหนักจาก ริคกี้ ฟาวเลอร์ และ จอร์แดน สปีธ โดยเฉพาะรายหลังที่เกือบทำสถิติสกอร์ต่ำสุดของสนาม แต่ด้วยสกอร์ที่ตุนมาทำให้การเก็บเพิ่มหนึ่งอันเดอร์ก็เพียงพอแล้วที่จะส่งให้ รีด ได้สัมผัสกับเมเจอร์แรกในชีวิต

ก้านเหล็กวัย 27 ปี ถือเป็นนักกอล์ฟจอมสีสันคนหนึ่งของวงการ เขาอาจมีข่าวไม่ดีตามหน้าสื่ออยู่บ้าง หรือปัญหาปะทะกับกองเชียร์ แต่ถ้าพูดถึงอุปกรณ์ในถุงของเขา นี่ก็เป็นอีกหนึ่งสีสันที่น่าสนใจอย่างมากไม่แพ้กัน

รีด ลงเล่นในเดอะมาสเตอร์สครั้งนี้ ด้วยการที่ไม่มีผู้สนับสนุนด้านอุปกรณ์ และถือเป็นแชมป์เมเจอร์คนที่ 2 ในรอบ 2 ปีที่เป็นเช่นนี้ ต่อจาก บรูคส์ เคปก้า กับแชมป์ยูเอส โอเพ่น เมื่อปี 2017 และนั่นส่งผลให้เขามีอิสระที่จะเลือกใช้อุปกรณ์แบรนด์ต่างๆ ได้ตามใจชอบ

และการเลือกของเขาก็ถือว่าน่าสนใจอย่างมาก เนื่องจากมีการสลับสับเปลี่ยนไม้ต่างๆ อยู่ตลอดเวลา รวมถึงการหวนกลับมาใช้ไม้รุ่นเก่า ไม่ว่าจะเป็นหัวไม้แฟร์เวย์ Nike VR Pro ที่ผลิตออกมาวางขายตั้งแต่ปี 2011 โดยเป็นรุ่นเดียวกับที่เคยใช้ตั้งแต่สมัยยังเป็นทัวร์สตาฟฟ์ของแบรนด์ กระทั่งปัจจุบันที่ Nike ประกาศยกเลิกไลน์ผลิตอุปกรณ์กอล์ฟทั้งหมดแล้ว

ด้านชุดเหล็ก รีด ยังมั่นใจในแบรนด์ Callaway อดีตผู้สนับสนุนรายล่าสุดของเขา เมื่อเลือกใช้ Callaway X Forged ปี 2013 ในเหล็ก 4 ส่วนที่เหลือทั้งชุดเป็น Callaway MB-1 แม้ทั้งสองโมเดลเพิ่งจะลอนช์รุ่นใหม่ออกมาก็ตาม

ในส่วนของเวดจ์ รีด เลือกใช้เวดจ์รุ่นเก่าที่เขามั่นใจอย่าง Titleist Vokey SM5 มาอยู่ในชุดร่วมกับเวดจ์ Artisan ที่คอกอล์ฟหลายคนอาจจะไม่คุ้นชื่อเท่าไหร่นัก กับแบรนด์ใหม่ที่อดีตนักออกแบบของ Nike อย่าง ไมค์ เทย์เลอร์ ปั้นขึ้นมาเอง โดย เทย์เลอร์ ผู้นี้ยังเป็นคนเดียวกับที่ TaylorMade จ้างไปรังสรรค์เหล็กและเวดจ์ให้ ไทเกอร์ วูดส์ ใช้เป็นรุ่นโปรโตไทป์อยู่ในปัจจุบัน

ขณะที่ทีเด็ดที่สุดคงต้องยกให้กับพัตเตอร์ Odyssey White Hot Pro #3 ที่ส่งให้ รีด มีสถิติพัตต์ดีที่สุดในสัปดาห์ด้วยค่าเฉลี่ย 1.44 ต่อหลุม กับสนามที่ขึ้นชื่อว่ากรีนยากที่สุดในโลกแห่งหนึ่ง

คงต้องยกให้เป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่สำคัญที่ส่งให้ แพทริค รีด คว้าแชมป์ได้สำเร็จ กับการเลือกอุปกรณ์ที่เขามั่นใจมากที่สุด และไม่แน่ว่าหลังจากนี้อาจจะกลายเป็นเทรนด์ที่นักกอล์ฟคนอื่นดำเนินรอยตามก็เป็นได้…

What’s in Bag / Patrick Reed
Driver: Ping G400 LST 10° with an Aldila 70 Tour X shaft
Fairway: Nike VR Pro Ltd. Edition 15° with an Aldila 80 Tour X shaft
Driving Iron: Titleist 716 T-MB (3-iron) with an True Temper Dynamic Gold 120 X100 shaft
Irons: Callaway X Forged 2013 (4), Callaway MB-1 (5-PW) with True Temper Dynamic Gold Tour Issue X100 shafts
Wedges: Artisan (51 and 56°), Titleist Vokey SM5 (61°) with True Temper Dynamic Gold Tour Issue S400 shafts
Putter: Odyssey White Hot Pro #3
Ball: Titleist Pro V1