Titleist เปิดตัวเวดจ์ SM7 เสริม K Grind-ร่องทนขึ้น-วางขาย 9 มี.ค.นี้

แอคูชเน็ท (ประเทศไทย) จัดงานเปิดตัวเวดจ์ Titleist Vokey Design Spin Milled 7 รุ่นใหม่ ที่ยังคงเป็นผลงานการออกแบบของสุดยอดนักสร้างสรรค์เวดจ์ Bob Vokey โดยมีการพัฒนาทั้งตัวร่อง, การวางจุดศูนย์ถ่วง รวมถึงสีให้ดียิ่งขึ้น มีกำหนดวางขายพร้อมกันทั่วโลกวันที่ 9 มีนาคมนี้

บริษัท แอคูชเน็ท กอล์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด โดย Mr. Rick Brown, Brand Manager of Titleist S.E Asia. Australia & New Zealand และ Mr. Gene Saunders, Titleist Golf Club Product Manager S.E Asia และ คุณวัชระ กาฬภักดี Titleist Product and Marketing Manager, Thailand ร่วมแถลงข่าวเปิดตัวอุปกรณ์เวดจ์รุ่นใหม่ Vokey Design Spin Milled 7 หรือ “SM7” พร้อมเปิดโอกาสให้สื่อมวลชนได้ร่วมทดสอบอุปกรณ์รุ่นใหม่นี้ที่สนามกอล์ฟธนาซิตี้ กอล์ฟ แอนด์ สปอร์ตคลับ เมื่อวันที่ 23 มกราคมที่ผ่านมา

เวดจ์ Titleist Vokey Design Spin Milled 7 ยังคงเป็นผลงานการพัฒนาโดยสุดยอดนักออกแบบเวดจ์ Bob Vokey โดยให้ความสำคัญในสามประสิทธิภาพหลักคือ การเล่นช็อตได้หลากหลายยิ่งขึ้นจากตัวเลือกที่มีมากขึ้น ให้การควบคุมระยะทาง และวิถีลูกที่ดียิ่งขึ้น และให้สปินสูงขึ้น

ในเวดจ์ SM7 ยังคงให้ความสำคัญกับการที่นักกอล์ฟสามารถฟิตติ้งเวดจ์เพื่อให้เหมาะสมกับการสวิง รูปแบบการเล่นแต่งช็อต และการเล่นลูกสั้น รวมถึงสภาพสนาม ได้อย่างเหมาะสมที่สุด จึงทำให้มีรูปแบบการเจียรฐานมากถึง 6 แบบ F, S, M, K, L และ D grind อันเป็นรูปแบบการเจียรฐานแบบใหม่ล่าสุดที่ถูกเพิ่มเข้ามา โดยเมื่อรวมกับองศาหน้าไม้ มุมกระดอน และการเจียรฐานด้านล่าง ทำให้มีเวดจ์ให้เลือกถึง 23 แบบเลยทีเดียว

นอกจากนี้ เวดจ์ SM7 ได้ถูกพัฒนาในอีกหลายส่วน ไม่ว่าจะเป็นการปรับแต่งตำแหน่งของจุดศูนย์ถ่วงแบบไล่ระดับ ที่พัฒนาต่อยอดมาจาก SM6 นำมาปรับตำแหน่งในเวดจ์แต่ละองศาให้เหมาะสมยิ่งขึ้น โดยจุดศูนย์ถ่วงอยู่สูงขึ้นในองศาหน้าไม้ที่มากขึ้น และจุดศูนย์ถ่วงต่ำลงในองศาหน้าไม้ที่ต่ำลง เพื่อให้วิถีลูก และการควบคุมระยะทางที่ดียิ่งขึ้น รวมถึงให้ความรู้สึกที่ดีสุดขณะหน้าไม้ปะทะลูก

ด้านร่องหน้าเวดจ์ Spin Milled มีกระบวนการตรวจสอบร่อง 100% และมีค่าเบี่ยงเบนในการผลิตต่ำกว่าเดิม ทำให้สร้างสปินได้สูงขึ้น นอกจากนี้กระบวนการใหม่ที่ถูกนำมาใช้ในกระบวนการทำร่อง ทำให้ร่องมีความแม่นยำในการผลิตยิ่งขึ้น ค่าเบี่ยงเบนในการผลิตต่ำลง และให้สปินสูงสุด โดยเวดจ์ที่ต้องผ่านการชุบทำสี (Tour Chrome และ Brushed Steel) เมื่อเปรียบเทียบกับเวดจ์ที่มีสีแบบ raw (Jet Black และ Raw) ขณะที่กระบวนการพิเศษให้ความร้อนด้วยวิธีการแบบเฉพาะ ยังช่วยให้ร่องมีความทนทานสูงขึ้น และสร้างสปินได้สูงยาวนานยิ่งขึ้น

เวดจ์ Titleist Vokey Design Spin Milled 7 วางตลาดทั้งหมดสามสีคือ Tour Chrome, Brushed Steel และ Jet Black โดย Tour Chrome ยังคงเป็นสีโครมเงินเงา ที่ได้รับความนิยมสูง, Brushed Steel เป็นสีที่เข้ม และเงา มีความเงาที่มากกว่าเล็กน้อย เมื่อเปรียบเทียบกับสี Steel Gray ใน SM6 แต่ไม่สะท้อนแสง และ Jet Black เป็นสีแบบ Raw โดยใส่สีดำไปที่โลโก้ และกราฟิค อันเป็นผลมาจากความต้องการของนักกอล์ฟในทัวร์ นอกจากนี้ยังสามารถสั่งซื้อแบบคัสตอม โดยมีสเปค และตัวเลือกที่หลากหลาย รวมถึงสามารถสั่งแบบตอกตัวอักษรบนหลังเว็ดจ์ แบบที่คุณต้องการ รวมถึงออปชั่นก้าน กริพ สติกเกอร์ที่ก้าน ปลอกพลาสติกที่คอไม้ การตอกตัวอักษร และสีของตัวอักษร ที่มีให้เลือกอย่างมากมาย เพื่อให้เหมาะกับเกมการเล่น และความต้องการของนักกอล์ฟมากที่สุด รายละเอียดเพิ่มเติมสามารถเข้าไปดูได้ที่ Vokey.com

เวดจ์ Vokey Design SM7 มีวางตลาดวันที่ 9 มีนาคม พ.ศ. 2561 ผู้ที่สนใจสามารถสอบถามรายละเอียดของผลิตภัณฑ์เพิ่มเติมได้โดยตรงที่บริษัท แอคูชเน็ท กอล์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด โทร.02-751-4082-5

**รายละเอียดรูปแบบการเจียรฐานต่างๆ**

F Grind: ฐานด้านล่างเต็ม ออกแบบให้เหมาะสำหรับการตีแบบเต็มวง และการเล่นลูกสั้นแบบไม่เปิดหน้าไม้ ด้วยเหตุผลนี้ เว็ดจ์ 46º-52º จึงมีแต่ฐานด้านล่างแบบ F เว็ดจ์ 54°/56° F Grind เป็นแซนด์เว็ดจ์ที่มีนักกอล์ฟใช้มากที่สุดใน PGA Tour

S Grind: ออกแบบจากคำแนะนำของ Steve Stricker การเจียรแบบ S Grind เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่เล่นลูกสั้นแบบหน้าไม้สแควร์ แต่ด้วยการเจียรที่ส่วนหลัง และโคนไม้ ทำให้เล่นได้หลากหลายกว่า F Grind นักกอล์ฟที่เล่นลูกสั้นด้วยเทคนิคง่ายๆ เหมาะกับการเจียรแบบ S ที่สุด

M Grind: เป็นการเจียรที่ Vokey ชื่นชอบที่สุด M grind มีการเจียรที่ฐานทั้งสามด้าน คือ ด้านหลัง โคน และปลาย ออกแบบสำหรับนักกอล์ฟที่ชอบเปิด หรือปิดหน้าไม้ และชอบเล่นแต่งช็อตแบบต่างๆ ในการเล่นรอบกรีน

D Grind: เว็ดจ์มุมกระดอนสูงสำหรับนักกอล์ฟที่ชอบเล่นแต่งช็อต D Grind เป็นการเจียรฐานแบบใหม่ ที่เราวางตลาด เพราะเว็ดจ์ที่มีการเจียรฐานด้านล่างสามด้านแบบเดียวกันกับ M Grind ทำให้เล่นลูกสั้นได้หลากหลาย และมีมุมกระดอนที่มากกว่า

K Grind: เป็นการเจียรฐานของเว็ดจ์ที่มีมุมกระดอนมากที่สุดที่วางตลาด K Grind เป็นการเจียรฐานที่ช่วยให้นักกอล์ฟเล่นง่ายจากหลุมทราย และชดเชยความผิดพลาดมากที่สุดจากการเล่นทุกช็อต เมื่อเปรียบเทียบกับการเจียรฐานแบบอื่น

L Grind: การเจียรแบบ L Grind เป็นการเจียรฐานด้านล่างสามด้านแบบ M Grind มีพื้นที่สร้างกระดอนต่ำ และมุมกระดอนต่ำ เป็นการเจียรฐานที่เล่นรอบกรีนได้หลากหลายที่สุด แต่ชดเชยความผิดพลาดต่ำที่สุด เมื่อเปรียบเทียบกับการเจียรแบบอื่น