Stop! Slow Play หยุดการเล่นช้า ที่อาจทำลายเกมกอล์ฟโดยที่คุณไม่รู้ตัว

ถือเป็นปัญหาใหญ่ที่นักกอล์ฟหลายท่านน่าจะเคยประสบพบเจอกันมาแล้ว กับการ “เล่นช้า” ที่ส่งผลกระทบต่อตัวท่านเอง และนักกอล์ฟคนอื่นๆ โดยปัญหานี้ใหญ่ถึงขั้นที่ที่ประชุม R&A และ USGA ต้องหยิบยกขึ้นมาพูดคุยอยู่เสมอ เพื่อหาวิธีแก้ไขประเด็นปัญหานักกอล์ฟที่เล่นช้าและใช้เวลามากจนเกินควร เช่นเดียวกับกฎกอล์ฟใหม่ฉบับปี 2019 ก็ถูกปรับปรุงมาเพื่อจัดการกับปัญหาการเล่นช้าโดยเฉพาะ

R&A เคยได้ให้แนวทางแก้ไขปัญหานักกอล์ฟเล่นช้าเพิ่มเติม อาทิ การขยับหมุดเพื่อให้การเล่นนั้นสั้นลง, เพิ่มมาร์แชลในสนามสำหรับช่วยหาลูก หรือการไม่ทำให้รัฟนั้นหนาจนเกินไป เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สลัมเบอร์ส ย้ำว่าวิธีที่แก้ปัญหาที่ถูกต้องที่สุดคือ นักกอล์ฟควรต้องเตือนตัวเองเสมอว่า พวกเขาควรต้องเล่นให้เร็วที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้

จากแนวทางของ R&A นั้นระบุไว้ว่า นักกอล์ฟควรใช้เวลาในการเล่นกอล์ฟหนึ่งรอบ 18 หลุมอยู่ที่ระยะเวลาประมาณ 3 ชั่วโมง-3 ชั่วโมงครึ่ง และอย่างน้อยไม่ควรเกิน 4 ชั่วโมง

ขณะที่สนามเซนต์แอนดรูว์สที่ R&A พยายามยึดใช้เป็นแนวทางตัวอย่างก็มีการออกแบบให้นักกอล์ฟที่มาเล่นที่นี่ต้องเข้าใจให้ชัดเจนถึงเรื่องการรักษาเวลา อาทิ การพิมพ์เลขชั่วโมง “3.57” ลงบนลูกซ้อมไดร์ฟ และบนสกอร์การ์ด เนื่องจากที่สนามเซนต์แอนดรูวส์ สังเวียนหลักในการจัดกอล์ฟแข่งขันกอล์ฟเมเจอร์ ดิ โอเพ่น มักพบปัญหานักกอล์ฟเล่นช้าอยู่เสมอ เนื่องจากไม่ใช่เรื่องง่ายที่จะมาเล่นที่นี่ รวมถึงหลายครั้งมักใช้เงินจำนวนมาก นักกอล์ฟจึงพยายามใช้เวลาดื่มด่ำกับสนามให้มากที่สุด

ทำไม R&A และ USGA ถึงต้องให้ความสำคัญกับปัญหาการเล่นช้าของนักกอล์ฟ นั่นก็เพราะสององค์กรผู้ควบคุมกฎกติกากอล์ฟโลกนั้นทราบดีว่า ปัญหาการเล่นช้านั้นทำให้คนรุ่นใหม่เบื่อหน่ายกอล์ฟเร็วยิ่งขึ้น หลายคนมองว่ากอล์ฟนั้นเป็นกีฬาที่ใช้เวลานานมากเกินไป รวมถึงบางคนอาจเกิดอาการเบื่อหน่ายเมื่อต้องมาเจอก๊วนติด และนั่นทำให้มีผู้เล่นหน้าใหม่เดินเข้าสู่เกมกอล์ฟน้อยลง และผู้ที่เข้ามาแล้วอาจเดินออกจากเกมกอล์ฟเร็วขึ้น และนั่นส่งผลกระทบต่อกันเป็นทอดๆ ไปไล่ตั้งแต่สนามกอล์ฟที่คนเล่นน้อยลง, สนามไดร์ฟคนเข้าน้อย, แบรนด์อุปกรณ์กอล์ฟมีคนซื้อน้อยลง และในอนาคตหากสนามกอล์ฟปัญหาคนใช้บริการน้อยลง ก็อาจประสบปัญหาขาดทุนลงจนต้องปิดตัวลง และนักกอล์ฟไม่มีสนามให้เล่น เหมือนอย่างที่เราได้เห็นว่า สนามไดร์ฟหลายสนามปิดตัวลงในทุกวันนี้

แม้แต่ในระดับอาชีพก็มีเล่นช้าเหมือนกัน
ถึงแม้ในการแข่งขันกอล์ฟทัวร์อาชีพจะมีมาตรฐานการจัดการแข่งขันที่ค่อนข้างสูง แต่ก็ยังประสบปัญหากับการมีนักกอล์ฟที่เล่นช้าด้วยเช่นเดียวกัน เนื่องด้วยการแข่งขันที่สูงทำให้บรรดาผู้เล่นอาชีพต้องให้ความสำคัญกับการเล่นที่ต้องละเอียดในทุกช็อต
อาทิ ผู้เล่นระดับตำนานอย่าง แจ็ค นิคลอส ที่ถึงแม้จะเป็นตำนานแชมป์เมเจอร์ 18 สมัย แต่ นิคลอส ก็ถูกวิจารณ์บ่อยครั้งถึงการเล่นช้าเกินไป โดยเฉพาะช็อตบนกรีนที่เจ้าของฉายา “ปู่หมีทอง” มักจะต้องอ่านไลน์กรีนอ่านสโลปถึง 6 มุม จนมีคนบอกว่าเขานี่ล่ะคือ ต้นแบบของการเล่นช้าอย่างแท้จริง หรือผู้เล่นอย่าง ไทเกอร์ วูดส์ ก็เป็นอีกหนึ่งนักกอล์ฟชั้นนำที่หลายครั้งมักถูกวิจารณ์ถึงการใช้เวลาเล็งไลน์พัตต์นานจนเกินไป ซึ่งด้วยการที่เกมของเขาถูกถ่ายทอดสดไปยังผู้ชมทั่วโลก นั่นถูกทำให้เชื่อว่า ไทเกอร์ เองก็ต้นแบบที่ไม่ดีเช่นในเรื่งของการรักษาเวลา
หรือกรณีของ จอร์แดน สปีธ ในการแข่งขัน ดิ โอเพ่น เมื่อปี 2016 ระหว่างรอบ 3 ที่เขาจับคู่กับ เซอร์จิโอ การ์เซีย โดยทั้งคู่ถูกกรรมการตำหนิว่า ใช้เวลาเล่นช้าเกินไปเมื่อเทียบกับผู้เล่นคนอื่นในสนาม แม้เวลาจะยังอยู่ในเกณฑ์แต่ก็เกือบทำให้ทั้งคู่โดยปรับโทษเสียแล้ว อย่างไรก็ตาม หลังถูกเตือนกลับทำให้ สปีธ ทำผลงานได้ดีขึ้นด้วยการทำเบอร์ดี้ได้ 3 หลุมติดต่อกัน ชนิดที่ว่า สปีธ ต้องมาขอบคุณกรรมการคนดังกล่าวเลยทีเดียวที่ช่วยให้เขามีสมาธิและมีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
ในขณะเดียวกันเมื่อมีผู้เล่นอาชีพที่เล่นช้า ก็มีผู้เล่นที่เป็นตัวอย่างที่ดีในการรักษาเวลาด้วยเช่นกัน อาทิ รอรี่ แม็คอิลรอย และ ริคกี้ ฟาวเลอร์ ที่ท่านนักกอล์ฟควรศึกษาดูเป็นตัวอย่าง

ก๊วนหน้าคุณควร…
ไม่โทรศัพท์ระหว่างเล่น – ถือเป็นปัญหาใหม่และใหญ่ที่สุดที่เกมกอล์ฟต้องเจอช่วงหลังกับยุคของสมาร์ทโฟน ที่นักกอล์ฟหลายคนอาจนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์ อาทิ การใช้แอพจดสกอร์การ์ดหรือดูเลย์เอาท์ของสนาม ขณะที่บางคนก็เลยเถิดถึงขั้นคุยโทรศัพท์ ซึ่งไม่ว่าจะเรื่องงานหรือเรื่องส่วนตัวก็ส่งผลกระทบต่อการรักษาเวลาในการเล่นด้วยทั้งสิ้น
ใช้ Provisional Ball หรือตีเช็ค – คุณควรตีเช็คทุกครั้งเมื่อไม่มั่นใจว่าลูกที่คุณตีออกไปจะหาเจอหรือไม่ ซึ่งเป็นส่วนที่ช่วยเหลืออย่างมากในการลดเวลาหาลูก
ใช้ลูกสี – บางครั้งการไปเล่นในสนามที่มีการออกแบบให้รัฟหนา หรือมีป่า นักกอล์ฟควรใช้พิจารณาการใช้ลูกสีซึ่งเป็นกำลังเป็นที่นิยมอย่างมาก เพื่อจะช่วยให้ท่านเห็นลูกได้ชัดเจน และหามันได้ง่ายขึ้น
ใช้รถกอล์ฟ – นักกอล์ฟบางทนชื่นชอบและเพลิดเพลินเป็นอย่างยิ่งกับการได้เดินทางท่ามสภาพแวดล้อมอันเขียวสดของสนามกอล์ฟ แต่บางครั้งการเดินที่ช้าเกินไปก็อาจส่งผลกระทบต่อก๊วนหลังได้ หรือบางทีบางสนามที่เป็นสนามภูเขาที่ใช้การเดินลำบาก ถ้าคุณเป็นคนที่เล่นช้าอยู่แล้ว ควรพิจารณาถึงการใช้รถกอล์ฟแทนการเดิน รวมถึงบางสนามนั้นจะบังคับรถกอล์ฟอยู่แล้วด้วย
ไม่ทำรูทีนนานจนเกินไป – ถือเป็นอีกหนึ่งในปัญหาที่พบเห็นได้ทั่วไปกับนักกอล์ฟที่ใช้เวลารูทีนก่อนตีลูก และจรดลูกนานจนเกินไป ซึ่งนั่นนอกจากจะส่งผลกระทบต่อเรื่องเวลาแล้ว ก็อาจทำให้เกิดอาการเกร็งที่ส่งผลต่อเกมของคุณด้วยเช่นกัน

เชื่อแคดดี้ – ซีเรียสกอล์ฟเฟอร์บางท่านจะให้ความสำคัญเสมอกับการเล่นในทุกๆ ช็อต จึงต้องใช้เวลาพิจารณาเลย์เอาท์หรืออุปสรรคของสนามอย่างเต็มที่ หรือการนำอุปกรณ์อำนวยความสะดวก อาทิ กล้องวัดระยะ มาใช้ ดังนั้นบางทีก็ไว้ใจแคดดี้ของคุณก็น่าจะช่วยประหยัดเวลาไปได้ไม่มากก็น้อย
ทำใจให้สบาย – สำหรับนักกอล์ฟมือใหม่บางท่านที่พยายามรักษาเวลาอย่างเต็มที่ แต่บางครั้งก็อาจเกิดความกดดันเมื่อเห็นก๊วนหลังไล่ตามมา ดังนั้นควรทำใจให้สบายและมีสมาธิให้มากที่สุด เนื่องจากความเกร็งและความกดดันนั้นอาจส่งผลให้เกิดความผิดพลาดที่ยิ่งเสียเวลามากขึ้นไปอีก
ให้ผ่าน – ถือเป็นมารยาทและความมีน้ำใจที่ควรระลึกเอาไว้เสมอถึงการพิจารณาโอกาสที่จะให้ก๊วนหลังซึ่งมีแนวโน้มการใช้เวลาในการเล่นที่เร็วกว่านั้นแซงไปก่อน อาทิ การหลบให้แซงในซุ้มน้ำนั้นแทบจะถือเป็นธรรมเนียมปฏิบัติไปแล้ว

ก๊วนหลังคุณควร…
แซงไปเล่นหลุมหน้า – สำหรับกรณีที่นักกอล์ฟเจอก๊วนหน้าที่เล่นช้า การพิจารณาถึงการแซงไปเล่นหลุมหน้า อาจจะห่างจากหลุมที่ท่านเล่นราว 2 หลุม ถือเป็นทางออกที่ดี และจะช่วยให้ท่านไม่หงุดหงิดใจ โดยบางครั้งอาจจะให้แคดดี้ช่วยโทรเช็คกับทางมาร์แชลอีกครั้ง
ไม่ควรตีอัด – ถือเป็นเรื่องที่เสียมารยาทอย่างยิ่งกับการตีอัดใส่ก๊วนหน้า ไม่ว่าท่านจะพิจารณาว่าก๊วนหน้านั้นเล่นช้าหรือไม่ก็ตาม เนื่องจากอาจก่อให้เกิดความเสียหายทั้งสภาพร่างกาย, จิตใจ และทรัพย์สิน จนต้องมีการชดใช้ตามมาต่อจากนั้น
ไม่ควรตีใส่ เพราะคาดว่าตีจะไม่ถึง – คล้ายกันกับกรณตีอัด ไม่ควรตีใส่ก๊วนหน้าทุกครั้งเมื่ออยู่ในระยะที่ไม่ไกลจนเกินไป แม้ตัวท่านประมาณการณ์ว่าน่าจะตีไม่ถึง แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมกอล์ฟ อาทิ การตีเข้าจุดสวีทสปอตพอดี หรือลมที่ช่วยส่งในจังหวะนั้น ซึ่งนั่นอาจทำให้เกิดปัญหาตามมา