Best Game-Improvement Irons 2019 ตามหาเหล็กตีง่าย ที่ช่วยให้เกมกอล์ฟของคุณง่ายขึ้น

HotGolf ยังคงเกาะติดต่อเนื่องกับการตลาดอุปกรณ์กอล์ฟรุ่นใหม่ของปี 2019 และหลังจากในฉบับก่อนหน้านี้ เราได้คัดสรรไดรเวอร์รุ่นเด่นประจำปีนี้มานำเสนอไปแล้ว ครั้งนี้ก็ขยับมาต่อที่อุปกรณ์ในส่วนของประเภทชุดเหล็กกันบ้าง

แต่ที่จริงแล้วชุดเหล็กนั้นแบ่งออกได้หลายประเภท หนึ่งในประเภทที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง และมียอดขายสูงสุด คงต้องยกให้เหล็กประเภท Game-Improvement หรือเป็นเหล็กตีง่ายสำหรับนักกอล์ฟที่กำลังพัฒนาฝีมือ ซึ่งที่จริงแล้วสามารถใช้ได้กับนักกอล์ฟทุกระดับฝีมือ และด้วยขอบเขตผู้ใช้งานที่กว้างนี้เอง จึงทำให้เหล็กกลุ่มตีง่ายยังคงเป็นที่ต้องการของตลาดอยู่เสมอ

เหล็กตีง่ายสำหรับตลาดกอล์ฟปี 2019 จะมีรุ่นไหนจากแบรนด์ใดบ้างที่น่าสนใจ ครั้งนี้ HotGolf ได้คัดสรรมาแล้ว พร้อมกับคุณสมบัติและเทคโนโลยีเด่นที่ทำให้เหล็กดังกล่าวเป็นเหล็กที่ใช้งานได้ง่าย และนั่นอาจเป็นคุณสมบัติที่คุณมองหาอยู่ก็เป็นได้

Honma T//World TW747P
T//World TW747 เป็นตระกูลที่ Honma หมายมั่นปั้นมือจะบุกตลาดอเมริกา ทำให้รุ่นนี้ถูกออกแบบให้ดูทันสมัย และมีกลิ่นอายความเป็นตะวันตกมากขึ้น รวมถึงเหล็กรุ่นตีง่ายของซีรี่ส์อย่าง TW747P ที่ออกมาคู่กันกับเหล็กของมือดีอย่าง TW747Vx
TW747P ถูกออกแบบมาตามแบบฉบับของเหล็กตีง่าย แต่ที่จากเหล็กตีง่ายทั่วไปคือ ขนาดใบไม่ใหญ่ ให้ความรู้สึกที่คอมแพ็ค ขณะที่ภายในใส่ทังสเตนชิ้นใหญ่ขนาด 20 กรัมวางไว้เป็นแนวยาวที่ฐานเพื่อให้จุดศูนย์ถ่วงอยู่ต่ำ นอกจากนี้ก็มีการปรับคอไม้ให้สั้นลง 4 มิลลิเมตร เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพของจุดศูนย์ถ่วง นอกจากนี้โพรงด้านหลังมาพร้อมกับ 3D emblem ที่ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยในการลดแรงสั่นสะเทือน ทำให้ได้ความรู้สึกและเสียงในการอิมแพ็คที่ดี
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : TW747P ให้ความสำคัญกับการวางจุดศูนย์ถ่วง ทั้งรูปทรงของทังสเตนที่นำมาใส่ และการลดขนาดคอไม้ ทำให้เป็นเหล็กที่โดดเด่นด้านการเข้าบอลและตีลูกลอยง่าย รวมถึงจุดเด่นคือเป็นเหล็กตีง่ายที่ออกแบบให้มุมมองการจรดลูกที่น่าตี ใบไม่ได้ใหญ่หนา ทำให้ผู้เล่นฝีมือระดับปานกลางสามารถใช้ได้ด้วยเช่นกัน

Mizuno JPX919 Hot Metal
เป็นแบรนด์ที่ทำเหล็กได้ “นุ่มเนย” จนขึ้นหิ้งไปแล้วสำหรับ Mizuno โดยเฉพาะช่วงหลังที่เหล็กของพวกเขาร้อนแรงอย่างมาก ด้วยการถูกเลือกใช้จากผู้เล่นชื่อที่ไม่ติดสัญญา ทำให้ยิ่งเป็นการการันตีประสิทธิภาพของเหล็กจาก Mizuno ได้เป็นอย่างดี รวมถึงซีรี่ส์ล่าสุดคือ JPX919 ที่มาพร้อมกับโมเดลตีง่ายอย่าง Hot Metal
จุดเด่นของซีรี่ส์ JPX ในระยะหลังคือ การใช้วัสดุต่างกันในการทำเหล็กแต่ละรุ่น และเหล็กตีง่ายอย่าง Hot Metal มีการผลิตด้วยวัสดุ Chromoly 4140 M ที่มีจุดเด่นเรื่องความยืดหยุ่นสูง ทำให้หน้าเหล็กดีดทำระยะได้ดี อีกทั้งยังเอื้อต่อการออกแบบเหล็กให้มีความหนาบางต่างจุดได้อย่างเหมาะสม โดยเฉพาะเมื่อโครงสร้างของเหล็ก Hot Metal เป็นเหล็กใบใหญ่ มีโพรงด้านหลัง ทำให้โดดเด่นอย่างมากคุณสมบัติในการสร้างระยะทาง เสริมด้วยโครง Stability Frame มีขยายโพรงด้านหลังใบไปถึงช่วงโคน ช่วยให้ใบมีความนิ่ง และมุมเหินอย่างเหมาะสมในเหล็กแต่ละเบอร์
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : JPX919 Hot Metal โดดเด่นด้วยวัสดุเฉพาะของ Mizuno ทำให้เป็นเหล็กที่ทั้งตีง่าย และตีไกลได้ระยะ เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ต้องการเพิ่มระยะในเกมเหล็ก ขณะเดียวกันก็ยังเป็นเหล็กที่ให้ความรู้สึกที่นุ่มนวลตามแบบฉบับของ Mizuno

Titleist 718 AP1
AP1 เป็นโมเดลที่ Titleist พัฒนามาอย่างต่อเนื่อง กระทั่งถึงซีรี่ส์ 718 ล่าสุด ที่มาพร้อมกับตีได้ไกลที่สุด และชดเชยความผิดพลาดสูงสุด ซึ่งเป็นเหล็ก Game Improvement ที่ใส่เทคโนโลยีมาอย่างมากมาย ไม่ว่าจะเป็นออกแแบบใบเหล็กแบบ Progressive ความยาวใบเหล็กยาวแบบไล่ระดับ ในเหล็กยาวใบเหล็กมีโพรงด้านใน ขณะที่เหล็กกลาง และเหล็กสั้น ใบมีช่องว่างด้านหลังแบบ undercut การออกแบบที่แตกต่างกันในเหล็กแต่ละเบอร์เพื่อให้ทำงานได้ตรงตามแคเรกเตอร์มากที่สุด
ตัวใบเหล็ก 718 AP1 ยังออกแบบใส่ก้อนทังสเตนความหนาแน่นสูง ทำให้ตำแหน่งของจุด CG ต่ำลง ให้มุมเหินที่สูงขึ้น และให้ประสิทธิภาพในการควบคุมลูกให้หยุดดีขึ้น และมีค่า MOI สูง ด้วยทังสเตนโดยเฉลี่ย 58.5 กรัมต่อใบ ใส่ไว้ในตำแหน่งที่ต่ำ และอยู่ทางด้านปลายใบเหล็กในเหล็กยาว และเหล็กกลาง สร้างความเร็วลูกกอล์ฟได้สูงขึ้น จากทุกตำแหน่งบนหน้าไม้ ทำให้ตีได้ระยะที่สม่ำเสมอ แม้ตีพลาดกลางหน้าไม้ก็ตาม นอกจากนี้ยังเสริมตัวช่วยด้วยขอบล่างด้านหน้าของใบเหล็กที่มีการปรับแต่งให้ดียิ่งขึ้น ทำให้ตีผ่านได้ง่าย นำมาสู่การเข้าปะทะลูกที่สม่ำเสมอยิ่งขึ้น
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : 718 AP1 เป็นเหล็กตีง่ายที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน เพื่อให้นักกอล์ฟแฮนดิแคปสูงสามารถดึงประสิทธิภาพออกมาจากเหล็กได้ทุกเบอร์ แม้จะเป็นเหล็กยาวที่ถูกมองว่าตียากก็ตาม

Callaway Rogue
ปี 2019 ถือเป็นปีที่ไลน์เหล็กของ Callaway มีความน่าสนใจมาก หลังเพิ่งลอนช์รุ่นใหม่จากตระกูล Apex ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ถ้าพูดถึงรุ่นตีง่ายก็ต้องยกให้รุ่น Rogue ที่ไม่โดดเด่นแค่เรื่องตีง่ายและสร้างระยะ แต่ยังรวมถึงฟีลลิ่งที่โดดเด่นด้วยเช่นกัน
ในเหล็ก Rogue เป็นเหล็กที่ Callaway นำเทคโนโลยีที่พวกเขาพัฒนามาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้ นำมาใส่ไว้เกือบทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นหน้าไม้แบบหนา-บางต่างจุด หรือ VFT และโครงสร้างหน้าไม้แบบ 360 Face Cup รวมถึงเทคโนโลยีใหม่อย่างการฉีดทังสเตน หรือ Tungsten Weighing เพื่อให้กำหนดจุดทังสเตนและจุด CG ได้อย่างแม่นยำในเหล็กแต่ละเบอร์ รวมถึงคิดค้นวัสดุใหม่อย่าง Urethane Microspheres เพื่อช่วยเสริมเสียงและฟีลลิ่งให้กับเหล็ก โดยไม่ได้เสียคุณสมบัติด้านการสร้างระยะไป
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : Rogue เป็นเหล็กที่ Callaway อัดเทคโนโลยีเข้ามาใส่ในทุกส่วน โดยเฉพาะการสร้างระยะ ทำให้เป็นเหล็กตีง่ายที่ตีได้ไกล มาพร้อมรูปลักษณ์ใบใหญ่หนา ช่วยเพิ่มความมั่นใจในการตีและจรดลูก

Cobra King F9 Speedback
Cobra ให้นิยามถึงเหล็กรุ่น King F9 Speedback ว่าเป็นเหล็กที่มาพร้อมรูปทรงแบบดั้งเดิม แต่ก็ใส่ตัวช่วยมาอย่างเต็มที่ ทั้งจุดศูนย์ถ่วงต่ำ และ MOI สูง เพื่อให้เป็นเหล็กที่ตีได้ไกลที่สุด, เร็วที่สุด และชดเชยความผิดพลาดสูงสุด
เหล็ก King F9 ถูกออกแบบให้มีฐานที่กว้าง โดยได้แรงบันดาลใจจากรถซูเปอร์คาร์ และช่วยให้สามารถออกแบบดึงจุดศูนย์ถ่วงได้อยู่ต่ำ และลึก ขณะที่การสร้างระยะหลักๆ มาจากการทำงานของหน้าเหล็ก Forged E9 Pwrshell face ที่ดีไซน์หนา-บางไม่เท่ากัน จุดบางสุดบางเพียง 1.88 มิลลิเมตร รวมถึงออกแบบหน้าเหล็กให้ยาวไปทางด้านล่างลึกไปถึงฐานเหล็กเพื่อให้ได้มุมเหินที่สูงขึ้น ขณะที่้เหล็ก 4-7 เสริมความง่ายด้วยการอัดทังสเตนถึง 2 จุดบริเวณโคนและปลาย น้ำหนักรวม 33 กรัม ช่วยให้ทั้งใบเหล็กนิ่ง และชดเชยความผิดพลาดสูงยิ่งกว่าเดิม
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : King F9 เป็นเหล็กที่ดีไซน์ฐานมากว้างเป็นพิเศษ ทำงานคล้ายกับไฮบริด ซึ่ง Cobra เชี่ยวชาญมาก ทำให้ตีผ่านง่าย ได้ความเร็วสูง รวมถึงหน้าไม้ยังถูกออกแบบให้ตีลูกลอยได้ง่ายเป็นพิเศษ

Maruman Shuttle NX-1
Maruman เป็นอุปกรณ์กอล์ฟแบรนด์อันดับต้นๆ ที่มักแนะนำกันในกลุ่มนักกอล์ฟที่กำลังพัฒนาฝีมือ ด้วยคอนเซ็ปต์ของแบรนด์ที่ทำไม้กอล์ฟตีง่ายเป็นหลัก และโดยเฉพาะอย่างยิ่งกับซีรี่ส์ Shuttle ที่พัฒนามาถึงรุ่น NX-1 โดยมาครบทั้งไลน์ตั้งแต่ไดรเวอร์จนถึงชุดเหล็ก และตีง่ายในทุกไม้
จุดเด่นของชุดเหล็กของ Shuttle NX-1 คือ มาพร้อมร่อง “Slanted Groove” ที่ซ่อนอยู่ภายในใบเหล็กด้านล่างติดกับขอบหน้าเหล็ก ช่วยให้หน้าเหล็กยืดหยุ่นได้ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะบริเวณส่วนล่างของหน้า และอย่างยิ่งเมื่อผสมกับการเลือกใช้วัสดุ Custom 465 ส่งผลให้ได้ลูกที่มีความเร็วออกจากหน้าเหล็กอย่างเต็มที่ ช่วยได้ไฟลท์บอลที่ไกลและเหินโด่งได้ง่ายยิ่งขึ้น
นอกจากนี้จุดเด่นของเหล็ก NX-1 คือการดีไซน์ให้จุดสวีทสปอตอยู่ต่ำลงมากกว่าเหล็กของแบรนด์ทั่วไป ด้วยการออกแบบลดทั้งออฟเซ็ต, ลดความหนาของสันใบ, คอไม้ที่สั้นลง จนจุดสวีทสปอตอยู่เหนือจากพื้นแค่ 17.6 มิลลิเมตร และมันทำให้ลูกลอยเหินโด่งและตรงได้ง่ายขึ้น
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : Maruman ขึ้นชื่อเรื่องการทำอุปกรณ์กอล์ฟที่ตีง่าย โดยเฉพาะเรื่องน้ำหนักและตัวก้านที่ทำมาให้เหมาะกับนักกอล์ฟเอเชียโดยเฉพาะ ขณะที่ Shuttle NX-1 เป็นรุ่นที่เน้นคุณสมบัติการชดเชยความผิดพลาด และการตีลูกลอยง่าย เหมาะกับนักกอล์ฟที่อยากได้เหล็กที่ตีง่ายและตีสบาย มีน้ำหนักพอดี ช่วยให้สวิงได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงมาก

PRGR RS
กลับมาอีกครั้งกับตระกูล RS จาก PRGR ที่ครั้งนี้ในส่วนของเหล็กยังคงมีให้เลือกสองโมเดลเช่นเคย ระหว่างรุ่นปกติที่ใช้ได้ทุกระดับฝีมืออย่าง RS และโมเดลของผู้เล่นมือดีคือ RS Forged
ในเหล็ก RS รุ่นใหม่เราได้เห็นเทคโนโลยีที่ PRGR ยังคงเดินหน้าพัฒนาอย่างต่อเนื่อง นำมาโดยยาง FLASH ONE ที่ลดแรงสั่นสะเทือน และช่วยให้ได้ฟีลลิ่งการตีที่นุ่มนวล นอกจากนี้ก็ยังมาพร้อมกับเทคโนโลยีใหม่เอี่ยมอย่างโครงสร้างหน้าไม้แบบ L Cup ที่มีการออกแบบเป็นรูปตัว L ช่วยให้ด้านล่างของหน้าไม้ยืดหยุ่นยิ่งขึ้น เสริมด้วยการเพิ่มร่องภายในใบเหล็กบริเวณส่วนล่างของหน้าไม้ ช่วยให้ได้ความยืดหยุ่นสูงขึ้นไป อีกทั้งทำให้สามารถกำหนดจุดสวีทสปอตของหน้าเหล็กได้อย่างแม่นยำที่บริเวณอยู่เหนือจากพื้น 17 มิลลิเมตร ซึ่งเป็นจุดค่าเฉลี่ยที่นักกอล์ฟอเมเจอร์ตีโดนมากที่สุด
ทำไมเหล็กรุ่นนี้ถึงตีง่าย : เหล็ก PRGR RS รุ่นใหม่เน้นการใช้เทคโนโลยีที่ช่วยส่งให้ตีลูกลอยง่าย และได้ระยะทางสูงสุด เหมาะกับนักกอล์ฟที่ตีลูกแล้วไม่ลอย นี่คือตัวช่วยที่จะทำให้สามารถตีลูกลอยและตกหยุดบนกรีนได้มากขึ้น