โหมโรง “ไรเดอร์คัพ 2018” ศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งที่ 42

ใกล้เข้ามาทุกขณะ จนเหลือเวลาอีกเพียงแค่ราว 6 เดือนเท่านั้น ก่อนที่ศึกกอล์ฟแห่งศักดิ์ศรี “ไรเดอร์คัพ ครั้งที่ 42” ระหว่างทีมสหรัฐฯและทีมยุโรปจะเปิดฉากขึ้น ณ สนามเลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล ในกรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ระหว่างวันที่ 28-30 กันยายน 2018 นี้

การแข่งขันเมื่อปี 2016 จบลงด้วยชัยชนะของทีมสหรัฐฯ ภายใต้การนำของกัปตันทีม เดวิส เลิฟ เดอะ เธิร์ด ที่เปิดบ้านพาทีมเอาชนะคู่ปรับทีมยุโรปของ ดาร์เรน คลาร์ก ได้สำเร็จ หลังแพ้มาตลอด 3 ครั้งรวดก่อนหน้านี้ ด้วยคะแนน 17 ต่อ 11 อย่างไรก็ตามครั้งนี้จะไม่ใช่งานง่ายของทีมสหรัฐฯ อย่างแน่นอน เมื่อต้องมาเล่นบนแผ่นดินยุโรปที่พวกเขาปราชัยมาตลอด 5 ครั้งหลังสุด

และเพื่อเป็นการติดตามความเคลื่อนไหวและการเตรียมตัวของทั้งสองทีมก่อนที่การแข่งขันจะเปิดฉากขึ้น ทีมงาน HotGolf ขอสรุปประเด็นที่่น่าสนใจของการแข่งขันในปีนี้ เพื่อให้การเชียร์ของคุณสนุกและเข้มข้นมากยิ่งขึ้น ไม่ว่าคุณจะเชียร์ “ยุโรป” หรือ “สหรัฐฯ” ก็ตาม!…

วัดฝีมือกัปตันทีมหนุ่ม “โธมัส บียอห์น VS จิม ฟิวริค”
ครั้งนี้ทั้งยุโรปและสหรัฐฯ ต่างเลือกเปิดโอกาสให้กัปตันทีมวัยหนุ่มก้าวขึ้นมาแสดงฝีมือ และที่สำคัญคือ ต่างยังไม่เคยมีประสบการณ์การเป็นกัปตันทีมมาก่อน โดยฝั่งยุโรปเป็น “โธมัส บียอห์น” ชาวเดนมาร์ก ส่วนสหรัฐฯคือ “จิม ฟิวริค” วัย 47 ปีเท่ากันทั้งคู่
ถึงแม้ทั้งคู่จะไม่เคยมีประสบการณ์การเป็นกัปตันทีมมาก่อน แต่ถ้าพูดถึงประสบการณ์ในฐานะผู้เล่น ถือว่า ฟิวริค นั้นกินขาด เนื่องจากเคยติดทีมมาแล้วถึง 9 สมัย สูงสุดเป็นสถิติอันดับ 2 ของทีมสหรัฐฯ รองจาก ฟิล มิคเคลสัน ที่ครองสถิติสูงสุด 11 สมัยเพียงคนเดียวเท่านั้น อย่างไรก็ตาม ฟิวริค จะต้องเผชิญกับงานสุดหิน เมื่อจะต้องพยายามเป็นกัปตันทีมสหรัฐฯที่พาทีมเอาชนะบนแผ่นดินยุโรปเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 1993 ให้ได้ หรือกว่า 25 ปีแล้วที่สหรัฐฯไม่เคยเก็บคว้าชัยชนะนอกบ้านได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว

ระบบเลือกผู้เล่น “ยุโรปต้องเปลี่ยน”
หลังจากความพ่ายแพ้แบบหมดรูปครั้งล่าสุดที่ฮาเซลไทน์ ทำให้ยุโรปต้องไปปรับกลยุทธ์ใหม่ โดยเฉพาะเมื่อการที่ปี 2016 พวกเขามีรุกกี้อยู่ในทีมมากถึง 6 คน และมีเพียง 2 จาก 6 เท่านั้นที่สามารถช่วยทีมเก็บชัยชนะได้ในการเล่นแบบซิงเกิ้ลแมตช์วันสุดท้าย จนทีมยุโรปต้องพ่ายไปขาดลอยถึง 11-17 คะแนน
หลังจากที่กัปตันทีมเลือกผู้เล่นได้เพียง 3 คนในครั้งก่อน คราวนี้ฝั่งยุโรปจะปรับให้กัปตันทีมมีสิทธิ์เลือกผู้เล่นได้เพิ่มขึ้นเป็น 4 คน ขณะที่อีก 8 คนจะมาเลือกอันดับคะแนนสะสมเรซทูดูไบ 4 คน และคะแนนสะสมอันดับโลกอีก 4 คน ตามด้วยกัปตันทีมเลือกผู้เล่นอีก 4 คน
ส่วนทีมสหรัฐฯยังคงใช้ระบบคัดเลือกผู้เล่นเข้าร่วมทีมตามเดิมคือ ยึดตามแรงกิ้งไรเดอร์คัพพ้อยท์ลิสต์ โดย 8 อันดับแรกจะได้เข้าร่วมทีมอัตโนมัติทันที ตัดคะแนนรายการสุดท้ายหลังจบเมเจอร์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ วันที่ 12 สิงหาคม 2018 ส่วนอีก 4 คนเป็นไวลด์การ์ดที่กัปตันทีมจะเลือกผู้เล่นเข้าทีมให้ครบ 12 คนต่อไป
อย่างไรก็ตาม ในส่วนการเลือกผู้เล่นเข้าทีมคนสุดท้าย ฟิวริค ตัดสินใจเลื่อนขึ้นมาประกาศเร็วขึ้นหนึ่งสัปดาห์ หรือหลังจบรายการเพลย์ออฟรายการที่ 3 ของซีรี่ส์เฟดเอ็กซ์คัพ จากที่ครั้งก่อน เลิฟ ประกาศเลือกหลังจบรายการที่ 4 รายการสุดท้าย ซึ่งเขาเลือก ไรอัน มัวร์ เข้ามาติดทีม และกลายเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ช่วยทีมกำชัยชนะมาครองได้สำเร็จ

วัดขุมกำลัง “หน้าใหม่ VS หน้าเก่า”
ถึงแม้ยังพอมีเวลาสำหรับนักกอล์ฟให้โชว์ผลงานและเก็บคะแนนสะสมเพื่อเข้าไปติดทีมไรเดอร์คัพ แต่ขณะเดียวกันก็มีทั้งพอ “มองออก” สำหรับผู้เล่นที่น่าจะมีชื่อเข้าไปติดทีมได้ โดยมีทั้งผู้เล่นหน้าใหม่ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ติดทีมมาก่อน และผู้เล่นหน้าเก่าด้วยเช่นเดียวกัน
สองผู้เล่นหน้าใหม่ที่ได้รับการจับตามองอย่างมากที่สุด คงหนีไม่พ้น “จอน ราห์ม” นักกอล์ฟไฟแรงชาวสเปนวัยเพียง 23 ปีของทีมยุโรป ที่ตอนนี้รั้งมืออันดับ 2 ของโลก จากผลงานอันร้อนแรงในปี 2017 ที่ผ่านมา และต่อเนื่องมาถึงปี 2018 โดยเฉพาะการคว้ารองแชมป์รายการดับเบิ้ลยูจีซี-เดลล์ เทคโนโลยี แมตช์เพลย์ ที่พิสูจน์ฝีมือของ ราห์ม ว่าเขาจะเป็นกำลังของทีมยุโรปในครั้งนี้อย่างแน่นอน
ส่วนผู้เล่นหน้าใหม่ฝั่งทีมสหรัฐฯที่น่าจะเข้ามาติดทีมได้อย่างแน่นอน และมีดีกรีไม่แพ้ ราห์ม ก็คือ “จัสติน โธมัส” วัย 24 ปีที่กวาดแชมป์ไป 5 รายการเมื่อปีที่แล้ว รวมถึงหนึ่งในนั้นคือ แชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ อีกด้วย ขณะที่แม้ โธมัส จะไม่เคยมีประสบการณ์เล่นในไรเดอร์คัพมาก่อน จากที่อกหักไม่ถูก เลิฟ เลือกร่วมทีมเมื่อครั้งที่แล้ว แต่เจ้าตัวก็เคยมีประสบการณ์ลงเล่นให้กับทีมสหรัฐฯในเพรซิเด้นท์คัพมาแล้ว และนั่นถือเป็นการเตรียมความพร้อมที่ดีมากทีเดียว

ด้านผู้เล่นหน้าเก่าที่ถูกคาดว่าจะเข้ามาติดทีมในปีนี้ ฝั่งยุโรปมีผู้เล่นที่น่าสนใจอย่าง “พอล เคซีย์” ผู้เล่นที่ รอรี่ แม็คอิลรอย มองว่าเป็นการสูญเสียครั้งสำคัญที่ไม่เขาอยู่ในทีมเมื่อครั้งที่แล้ว ในฐานะเป็นผู้เล่นที่เล่นได้อย่างสม่ำเสมอ และกำลังอยู่ในฟอร์มที่ดีที่สุด กระทั่งล่าสุดที่ เคซีย์ ได้ตัดสินกลับมาเป็นสมาชิกของยูโรเปี้ยนทัวร์อีกครั้งเพื่อให้เขามีสิทธิ์ติดทีมได้
ขณะที่ผู้เล่นหน้าเก่าของทีมสหรัฐฯ ทุกสายตาต่างจับจ้องไปที่ “ไทเกอร์ วูดส์” ว่า เขาจะมีโอกาสได้ลงเล่นในครั้งนี้หรือไม่ แต่อย่างน้อยก็มีการการันตีแล้วว่าเขาจะมีส่วนร่วมกับทีมอย่างแน่นอน หลังได้รับเลือกจาก ฟิวริค ให้ทำหน้าที่รองกัปตันทีมร่วมกับ สตีฟ สตริคเกอร์ ซึ่งทาง “พญาเสือ” ก็ไม่ได้ปิดบังความรู้สึกของเขาที่ว่า ต้องการทำหน้าที่ทั้งสองอย่างในศึกแห่งศักดิ์ศรีครั้งนี้

สนามแข่งขัน “เลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล”
ไรเดอร์คัพครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่ประเทศฝรั่งเศสได้รับหน้าเสื่อเป็นเจ้าภาพ ณ สนามเลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล อัลบาทรอสคอร์ส พาร์ 72 ระยะ 7,331 หลา หลังบิดเอาชนะอีก 4 ประเทศคือ เยอรมนี, โปรตุเกส, สเปน และเนเธอร์แลนด์
เลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล ที่ถูกใช้เป็นสังเวียนแข่งกอล์ฟยูโรเปี้ยนทัวร์ รายการเฟรนช์ โอเพ่น มาตั้งแต่ปี 1991 (ยกเว้นปี 1999 และ 2001) เป็นผลงานการออกแบบของ Hubert Chesneau และ Robert Von Hagge โดยผสมผสานความเป็นลิงค์คอร์สแบบกอล์ฟดั้งเดิมกับรูปแบบสนามกอล์ฟสมัยใหม่เข้าด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นจำนวนของบังเกอร์ที่เยอะแบบสนามลิงค์คอร์ส และกรีนที่เร็ว รวมถึงแฟร์เวย์ที่กว้างแต่เป็นคลื่นไม่ราบเรียบเหมือนสนามกอล์ฟสมัยใหม่
และไม่เพียงแค่ไรเดอร์คัพครั้งนี้เท่านั้น ในปี 2024 เลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล จะได้จัดศึกใหญ่อีกครั้งกับการจัดแข่งกอล์ฟในมหกรรมกีฬาโอลิมปิกเกมส์ที่ประเทศฝรั่งเศสจะเจ้าเป็นเจ้าภาพอีกด้วย
นักกอล์ฟที่สนใจข้อมูลของสนามกอล์ฟ เลอ กอล์ฟ เนชั่นแนล สามารถดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ www.golf-national.com

 

 

 

 

 

*BMW is Official Partner of the 2018 Ryder Cup in Paris.