เมื่อนักกอล์ฟ ถูกสั่งห้ามตีไกล?

ไม่ใช่เรื่องใหม่ และมีการพูดคุยกันมาได้สักพักใหญ่แล้ว สำหรับปัญหาที่ว่านักกอล์ฟในปัจจุบันนั้น “ตีไกลเกินไป”

สององค์กรผู้ควบคุมกฎกอล์ฟโลกอย่าง USGA และ R&A มีมุมมองว่า การที่นักกอล์ฟตีไกลเกินไปนั้นเป็นภัยคุกคามต่อเกมกอล์ฟ เพราะส่งผลกระทบต่อเนื่องกัน ทำให้สนามกอล์ฟต้องยาวขึ้น ซึ่งจะยากในการหาพื้นที่มาทำสนามกอล์ฟ หรือการขยายสนามกอล์ฟก็จะทำให้ต้นทุนในการบำรุงรักษามีค่าใช้จ่ายที่มากขึ้น และภาระก็จะมาตกอยู่ที่นักกอล์ฟอย่างเราๆ ท่านๆ นั่นเอง

ช่วง 3-4 ปีที่ผ่านมา USGA และ R&A ออกมาแสดงความเป็นกังวลถึงปัญหาการตีไกลดังกล่าวมาตลอด โดยเฉพาะการตกลงร่วมมือกันจัดทำรายงานพิเศษ “Distance Insights Project” ที่เริ่มดำเนินการกันมาตั้งแต่ปี 2018

Distance Insights Project มีการอัพเดทเรื่อยมา เรื่องสถิติข้อมูล รวมถึงผลสำรวจความคิดเห็นผู้ที่อยู่ในวงการกอล์ฟ โดยเฉพาะรายงานที่อัพเดทกันเมื่อปี 2020 ที่แสดงให้เห็นว่า ระยะการตีไกลเพิ่มขึ้นนั้นสูงที่สุดเท่าที่เคยมีการเก็บสถิติมา

รวมถึงล่าสุด ที่ทั้ง USGA และ R&A เผยว่าพวกเขากำลังเข้าสู่ขั้นตอนการเสนอให้มีการเปลี่ยนกฎใหม่ ในส่วนของอุปกรณ์กอล์ฟ โดยแบ่งเป็น 3 ข้อย่อย

ข้อแรกคือ การลดกฎความยาวก้านที่จากเดิมให้สูงสุด 48 นิ้ว มาเหลือ 46 นิ้ว, ข้อที่สองคือ ปรับเปลี่ยนวิธีการทดสอบลูกกอล์ฟใหม่ ให้หลากหลายมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เทสต์ด้วยมุมเหิน 10 องศา ที่ความเร็ว 120 ไมล์ต่อชั่วโมง โดยค่าระยะที่ได้จะต้องไม่เกิน 317 หลา เบี่ยงเบนได้ไม่เกิน 3 หลา แต่แนวทางใหม่ที่เสนอกันมา ก็ให้ทดสอบกันที่มุมเหิน 7.5 และ 15 องศาเพิ่มเติมด้วย

และข้อสุดท้ายคือ เปลี่ยนวิธีทดสอบค่าหน้าเด้งของหน้าไม้ หรือ Characteristic Time ที่จากเดิมจำกัดไว้ 239 microseconds เบี่ยงเบนได้ไม่เกิน 18 microseconds โดยเสนอให้จำกัดค่าเบี่ยงเบนให้เหลือได้เพียงแค่ 6 microseconds เท่านั้น

สำหรับ 3 แนวทางดังกล่าว USGA และ R&A ได้เปิดโอกาสให้ผู้ที่ในวงการกอล์ฟทุกภาคส่วน สามารถฟีดแบ็คความคิดเห็นกลับมายังพวกเขา สำหรับประมวลผลถึงความเป็นไปได้ในการเปลี่ยนแปลงดังกล่าว

อย่างไรก็ตาม USGA และ R&A ยืนยันด้วยเช่นกันว่า พวกเขาจะไม่พยายามแยกกฎกอล์ฟออกเป็น 2 ฉบับระหว่างผู้เล่นอาชีพ และนักกอล์ฟสมัครเล่น แต่จะใช้แนวทาง Local Rule หรือกฎสนามแทน เพื่อให้ยืดหยุ่นที่สุดสำหรับการจัดการแข่งขัน

ถึงแม้จะยืนยันว่าประสงค์ดีในความพยายามที่จะเปลี่ยนแปลงกฎข้อจำกัดของอุปกรณ์ แต่เรื่องนี้มีฟีดแบ็คที่หลากหลายแตกต่างกันไปในแต่ละฝ่าย แบรนด์อุปกรณ์มองว่า ขั้นตอนใหม่นี้จะทำให้มีความซับซ้อนและยุ่งยากมากกว่าเดิมในการพัฒนาอุปกรณ์ที่แตกต่างกัน

แอคูชเน็ท ซึ่งเป็นเจ้าของแบรนด์ Titleist เคยให้ความเห็นมองว่า การพยายามหยุดพัฒนาเทคโนโลยีในไม้กอล์ฟ และลูกกอล์ฟ เป็นเพราะความเห็นแก่ตัวของนักพัฒนาสนามกอล์ฟที่ไร้วิสัยทัศน์ และสังคมนักออกแบบสนามกอล์ฟที่มุ่งแต่จะขายบ้านติดสนามกอล์ฟอย่างเดียวเท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้ไม่รู้ว่าประชดใครหรือเปล่า แต่ที่รู้คือ ไมค์ เดวิส ประธานของ USGA ที่เตรียมจะเกษียณในปีนี้ เคยออกมาเผยว่าเมื่อเกษียณแล้วเขาจะมุ่งไปทำธุรกิจออกแบบและก่อสร้างสนามกอล์ฟต่อ

ส่วนนักกอล์ฟชั้นนำในทัวร์คนที่ถูกมองว่าน่าจะมีปัญหากับข้อเสนอใหม่นี้มากที่สุดอย่าง ไบรสัน เดอแชมโบ กลับยืนยันว่า ตัวเขาเองไม่มีปัญหาอะไรเลยแม้แต่น้อย โดยพร้อมจะทำทุกอย่างภายใต้กฎ ขณะที่ผู้เล่นอย่าง เว็บบ์ ซิมพ์สัน บอกว่า สิ่งที่ควรปรับจริงๆ น่าจะเป็นเรื่องของสนามกอล์ฟมากกกว่า แทนที่จะเป็นไม้กอล์ฟและลูกกอล์ฟ

แต่จากทั้งหมดที่ออกมาแสดงความคิดเห็น ไม่มีใครดุเดือดไปกว่า รอรี่ แม็คอิลรอย ชนิดที่สื่อยังไม่ทันอ้าปากถามด้วยซ้ำ เมื่ออัดรายงานชิ้นนี้ว่าเป็นเรื่องที่เสียเวลา และเสียเงินเสียทองโดยไม่จำเป็น แทนที่จะเอาเวลาไปกระตุ้นให้คนเล่นกอล์ฟมากขึ้น ด้วยอุปกรณ์ที่เป็นมิตรมากขึ้น ช่วยให้คนเล่นกอล์ฟง่ายขึ้น และสนุกกับเกมกอล์ฟมากขึ้น

สองฝ่ายที่มองต่างกัน แล้วมารอดูกันว่าบทสรุปเรื่องนี้จะจบลงอย่างไร…

**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์ผ่าน HotGolf Shop สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hotgolf