เทคนิคช็อตการตี ที่นักกอล์ฟมือใหม่ต้องรู้

นักกอล์ฟหลายๆ คนรู้จักวิธีตีลูกกอล์ฟในระดับหนึ่ง แน่นอนว่าทุกคนมีช็อตเด็ดที่สามารถตีภายใต้ความกดดันได้ แต่บางครั้งสถานการณ์ก็ไม่เหมาะกับช็อตนั้น และจำเป็นต้องมีช็อตที่เรียกว่าด้นสดบ้าง ซึ่งเรียกว่าเป็นเทคนิคการตีลูกที่มือโปรหลายๆ คน ก็นำมาใช้กันประกอบด้วย

– น็อคดาวน์ ช็อต (Knockdown shot)
– การตีเฟด (Fade)
– การตีดรอว์ (Draw)
– ชิพ (Chip)
– พันช์ ช็อต (Punch shot)
– ฟร็อบ ช็อต (Flop shot)

 

น็อคดาวน์ ช็อต (Knockdown Shot)
เป็นช็อตที่มักจะใช้ตีเพื่อหลบกระแสลมที่พัดมาแรงจนอาจจะก่อให้เกิดการเปลี่ยนทิศทางของลูกได้ โดยจะเป็นการตีลูกให้ต่ำ เพื่อหลบลมแรง ลมที่พัดมาตรงกันข้าม หรือเพื่อให้บอลอยู่ต่ำลงและไปในทิศทางที่มีสิ่งกีดขวางบางอย่าง เช่น กิ่งไม้ หรือ ต้นไม้ โดยวิธีที่จะตีช็อตน็อคดาวน์นั้นมีอยู่ 3 วิธีด้วยกันก็คือ

– ตีลูกกอล์ฟแบบโช็คดาวน์ ไม่กี่นิ้ว โดยการทำแบบนี้จะทำให้น้ำหนักและไม้กอล์ฟสั้นลง ทำให้คุณควบคุมได้มากขึ้น
– ขยับลูกกอล์ฟให้อยู่ในท่าตีของคุณ เมื่อลูกกอล์ฟกลับมาอยู่ในท่าเตรียมของคุณ น้ำหนักของลูกก็เช่นกัน ตำแหน่งที่อยู่ด้านหลังท่ายังช่วยส่งเสริมการบินของลูกให้ต่ำกว่า
– ตีลูกออกไป หลังจากที่วางลูกกอล์ฟและจับกริพได้เข้าที่แล้ว ก็ค่อยๆ สวิง และตีลูกกอล์ฟออกไป จะทำให้ได้ลูกกอล์ฟลอยต่ำ

 

การตีเฟด (Fade)
การตีเฟดนั้น ใช้ในการตีเพื่อที่จะหลบอุปสรรค หรือเป็นอีกเทคนิคหนึ่งในกรณีที่แฟร์เวย์ต้องอ้อมรัฟ โดยเฟดนั้นคือการตีลูกออกไปทางซ้ายและกลับมาทางขวา ซึ่งนี่เรียกว่าเป็นเทคนิดที่มือใหม่ต้องหัดเอาไว้จะได้ช่วยลดสกอร์

– เริ่มจากการเล็งลูกไปทางซ้ายแล้วตั้งท่าเตรียมตามปกติของคุณ เมื่อเข้าที่แล้วให้ทำการดึงเท้าซ้ายออกเรียกว่าการตีแบบเปิด
– อย่าลืมที่จะจับกริพแบบวีคกริพ
– จากนั้นให้ทำแบ็คสวิง ตำแหน่งไม้ต้องขนานกับแนวเท้า ซึ่งปลายไม้จะหันไปทางซ้ายของเป้าหมาย
– ตีออกไปตามปกติ ระวังอย่าเผลอตีแรงจนเกินไปเพราะอาจทำให้ลูกกอล์ฟสไลด์แทนที่จะเป็นการตีเฟด

 

การตีดรอว์ (Draw)
การตีดรอว์นั้นก็จะใช้ในกรณีคล้ายๆ กับการตีเฟดคือหลบเลี่ยงอุปสรรคแต่จะเป็นการตีลูกออกไปทางขวาแล้วกลับมาทางซ้ายแทน เรียกได้ว่าสองเทคนิคนี้ถ้าหากทำแบบใดแบบหนึ่งได้ ก็จะทำได้ทั้งสองแบบเลยนั่นเอง

– ตั้งท่าเตรียมตามปกติของนักกอล์ฟแล้วเริ่มเล็งลูกไปทางขวา เมื่อเข้าที่แล้วให้ดึงเท้าขวาลงมาด้านหลังจะเรียกว่าการตีลูกแบบปิด
– จับกริพแบบสตรอง
– จากนั้นให้ทำแบ็คสวิงตามปกติ เมื่อตีลูกออกไปแล้วลูกจะเริ่มออกขวาแล้วตีโค้งกลับเข้ามาทางซ้าย
– ยื่นแขนขวาของคุณให้ตรงตอนทำดาวน์สวิง ซึ่งนี่จะช่วยสร้างความเร็วให้กับหัวไม้ และช่วยเสริมแรงให้ลูกกอล์ฟพุ่งมากขึ้น โดยให้ไหล่ขวาอยู่ด้านหลังให้นานที่สุดเมื่อทำร่วมกับการยืดแขนตรงจะช่วยให้ตีลูกดรอว์ได้ง่ายขึ้น

สำหรับการตีลูกเฟดและดรอว์นั้น สิ่งสำคัญที่ควรจะทำอีกอย่างเลยก็คือการนึกภาพให้ชัดเจนก่อนการตีว่านักกอล์ฟอยากจะตีลูกออกไปทางซ้ายแล้ววนกลับมาทางขวา หรือตีออกไปทางขวาวนออกมาทางซ้าย สิ่งนี้จะช่วยทำให้คุณเห็นภาพเวลาตีสองช็อตนี้มากขึ้น

 

การตีชิพ (Chip)
การตีชิพนั้นเป็นการตีโดยที่เน้นการสวิงสั้นๆ เพื่อให้ได้ระยะที่สม่ำเสมอและแม่นยำให้ตรงกับเป้าหมาย โดยส่วนใหญ่แล้วจะใช้แรงเพียง 60% ของร่างกายเท่านั้น โดยไม้ที่เลือกใช้จะเป็นเหล็กสั้นหรือเวดจ์ ตำแหน่งของลูกจะอยู่ค่อนไปทางเท้าขวา และแนะนำให้ยืนแบบเปิดโดยที่เท้าซ้ายจะอยู่ต่ำกว่าเท้าขวา การที่ยืนท่าเปิดนั้นมีเหตุผลอยู่ เพราะร่างกายช่วงล่างนั้นจะเตรียมหมุนรอไว้แล้ว ให้เซ็ตน้ำหนักตัวไว้ทางเท้าซ้ายเล็กน้อย และเอนก้านไม้กอล์ฟให้น้ำหน้าลูก

– ตั้งท่าเตรียมให้พร้อม โดยท่าเตรียมนั้นจะต้องยืนให้แคบกว่าท่าเตรียมปกติ เพราะถ้ายิ่งกว้างเท่าไหร่ การหมุนลำตัวส่วนล่างก็ยิ่งยาก
– หัวเหล็กจะต้องอยู่ต่ำกว่ามือในขณะสวิง ให้สวิงไม้ด้วยแขน และไหล่ โดยใช้ความรู้สึกสวิงแขนไปพร้อมๆ กับหัวไหล่อย่าให้ศอกอยู่ด้านหลังตัว ถ้าข้อศอกอยู่ด้านหลังแปลว่าคุณใช้แขนสวิงอย่างเดียว
– เริ่มดาวน์สวิงโดยพลิกเข่าขวาไปทางฝั่งที่จะตี เน้นการหมุนลำตัวตลอดการสวิงโดยข้อมือซ้ายต้องตรงเสมอ

 

พันช์ ช็อต (Punch shot)
การตีพันช์ ช็อต นั้นเป็นการตีลูกต่ำเพื่อการควบคุมทิศทางของลูกมากขึ้นเมื่อต้องเล่นในที่ๆ มีลมแรง ซึ่งคล้ายกับการตีน็อคดาวน์ ช็อต แต่การตีนั้นแตกต่างกัน โดยให้ตั้งท่าเตรียมตามปกติ จับกริพลงมาอีกสัก 2-3 เซนติเมตร ใช้แรง 60-65% ที่เท้าหน้าแล้วสวิงไปตามปกติ โดยการตีพันช์ ช็อตนั้น ให้ลดระยะไม้ลงจากที่ต้องใช้เหล็ก 8 อาจจะมาใช้เหล็ก 7 หรือ 6 แทน ก็เพือที่จะให้ลูกลอยต่ำ และมีแบ็คสปินน้อย แต่การตีแบบนี้จะเป็นการตีเปิดที่จะทำให้พลาด ตีออกข้างได้มากขึ้น เพราะเนื่องจากไม้กอล์ฟทรงเตี้ยสามารถให้การหมุนด้านข้างมากขึ้น (หรือเอียงแกนหมุนมากขึ้น)

– ตั้งท่าเตรียมแล้วให้วางลูกกอล์ฟตรงใต้ส่วนโค้งที่ลอฟท์ต่ำกว่า ลอฟท์ที่กระทบจะเป็นปัจจัยหลักสำหรับมุมปล่อย สิ่งนี้จะทำให้ลูกเริ่มต่ำ และอยู่ต่ำ
– วางน้ำหนักที่เท้าหน้ามากขึ้นเล็กน้อย (และคงไว้ตลอดช่วงสวิง) ยังช่วยให้หน้าเอนไปทางที่กระแทกได้มากขึ้น ซึ่งจะทำให้ลอฟท์น้อยลง
– เปลี่ยนจุดต่ำไปข้างหน้าลูก ซึ่งจะทำให้ลูกกอล์ฟอยู่ในส่วนโค้งที่เส้นทางไม้เข้า-ออกมากกว่า (ทางขวา สำหรับนักกอล์ฟที่ถนัดขวา) ที่กระตุ้นให้เกิดการผลัก และฮุก
– จัดแนวไหล่หรือลำตัวไปทางซ้ายมากขึ้น (เปิด) ก็จะทำให้ตีลูกได้ตรงมากขึ้น

 

ฟร็อบ ช็อต (Flop shot)
การตีฟร็อบ ช็อต คือการตีลูกให้โด่งสูง ตกแล้ววิ่งน้อยเมื่ออยู่บนกรีน ช็อตนี้เป็นช็อตที่มือใหม่รู้สึกว่าหัดยาก แต่ว่ามันเป็นช็อตที่เรียกได้ว่า ถ้าฝึกและตีเป็นแล้วจะเป็นเทคนิคที่ใช้บ่อยเลยก็ว่าได้ โดยระยะตีนั้นจะอยู่ที่ 10-30 หลา ห่างจากกรีนไม่มากนัก

– เลือกไม้เวดจ์ที่มีลอฟท์สูงที่สุด ช่วงองศา 58-62 เปิดหน้าไม้แล้วเล็งไปทางซ้ายของเป้าหมาย ยิ่งเปิดหน้าไม้กว้างเท่าไหร่ ก็ต้องเล็งไปทางซ้ายเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
– ตั้งข้อมือและให้น้ำหนักอยู่ที่ขาซ้าย 70% จำไว้ว่าต้องให้ด้านซ้ายมีน้ำหนักมากกว่าด้านขวาเสมอหากจะตีช็อตนี้ นี่จะช่วยทำให้ลูกลอยสูงมากขึ้น
– วางลูกกอล์ฟให้อยู่บริเวณด้านหน้าตรงกลาง อย่าวางลูกให้อยู่ด้านข้างเพราะจะไม่สามารถตีได้
– เหวี่ยงไม้กอล์ฟกลับไปด้านนอกเล็กน้อยแล้วบิดข้อมืออย่างรวดเร็ว ทำให้หน้าไม้ยังเปิดอยู่เมื่อแบ็คสวิง ยิ่งแบ็คสวิงไกลมาเท่าไหร่ ลูกก็จะยิ่งตีได้ไกลขึ้น และสูงขึ้น
-สวิงไม้ให้ตรงกับเท้าของนักกอล์ฟ นี่จะเป็นการตีนอกแล้วเข้าใน อย่าลืมให้เปิดหน้าไม้ไว้ตลอดตอนที่สวิงลงปะทะเข้ากับลูก หมุนตัวไปตามทิศทางที่จะให้ลูกไป

และนี่ก็เป็นเทคนิคต่างๆ ที่นักกอล์ฟมือใหม่จะต้องเรียนรู้ไว้ เพราะในบางสถานการณ์ การได้รู้เทคนิคเหล่านี้ก็ทำให้นักกอล์ฟสามารถนำมาปรับใช้ให้เข้ากับช็อตที่ตัวเองกำลังตีอยู่ได้ แน่นอนว่าเทคนิคเหล่านี้ไม่ง่าย จึงต้องใช้เวลาในการฝึก แม้กระทั่งเทคนิคบางอย่างคนจำนวนไม่น้อยก็ยังมีทำพลาดบ้าง เพราะฉะนั้น ฝึกซ้อมเยอะๆ จะได้นำเทคนิคเหล่านี้ไปปรับใช้ และสามารถช่วยลดสกอร์ของท่านนักกอล์ฟได้

**ค้นหาโปรโมชั่นสนามกอล์ฟจากทั่วประเทศที่ HotGolf รวบรวมไว้มากที่สุดได้ที่กลุ่ม Line OpenChat #GreenFeeMart กลุ่มรวมโปรโมชั่นสนามกอล์ฟคลิก https://bit.ly/2MnVBYz