รู้จักแล้วจะหลงรัก “บาตัม” เดสติเนชั่นกอล์ฟแห่งใหม่ของอินโดนีเซีย

เมื่อระหว่างวันที่ 15-18 กรกฎาคมที่ผ่านมา HotGolf เราได้รับเชิญจากกระทรวงการท่องเที่ยวแห่งสาธารณรัฐอินโดนีเซีย ให้ร่วม Fam Trip ในการสำรวจเดสติเนชั่นกอล์ฟแห่งใหม่ล่าสุดของอาเซียนในเมือง “บาตัม”…ที่ต้องยอมรับครับว่า เราก็เพิ่งเคยได้ยินชื่อเมืองนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน

แม้จะไม่เคยได้ยินชื่อมาก่อน โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับ “บินตัน” ที่มีสนามกอล์ฟที่โด่งดังในระดับโลกอย่าง “เรีย บินตัน กอล์ฟ คลับ” แต่บาตัมถือเป็นเมืองใหญ่ที่สุดเป็นอันดับ 5 ของอินโดนีเซีย และจากที่ไปสัมผัสมาบอกได้เลยครับว่า เมืองนี้กำลังโตขึ้นเรื่อยๆ ด้วยทำเลที่อยู่ใกล้สิงคโปร์มากที่สุด ทำให้มีนักลงทุนไปลงทุนที่นั่นเป็นจำนวนมาก รวมถึงความพยายามล่าสุดคือ การเปิดรับนักท่องเที่ยวมากขึ้น เริ่มต้นด้วยกลุ่มนักท่องเที่ยวที่เป็นกลุ่มนักกอล์ฟ เนื่องจากที่บาตัมนั้นมีสนามกอล์ฟมากถึง 7 แห่ง รวมถึงนักกอล์ฟชาวสิงคโปร์ก็ค่อนข้างให้ความนิยมที่จะข้ามมาเล่นกอล์ฟที่นี่ เนื่องจากค่าใช้จ่ายที่ถูกกว่ามาก รวมถึงในบาตัมก็มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งเช่นกัน โดยเฉพาะแหล่งช็อปปิ้งที่สินค้าจะราคาถูกกว่าที่สิงคโปร์อยู่พอสมควร

เรือเฟอร์รี่ที่เรานั่งจากสิงคโปร์ต่อไปยังเกาะบาตัม
บรรยากาศภายในเรือเฟอร์รี่

คณะ Famtrip ครั้งนี้ของเราที่ประกอบด้วยสื่อมวลชน และบริษัทผู้ให้บริการทัวร์กอล์ฟ เดินทางไปยังบาตัมด้วยวิธีไปลงเครื่องที่สิงคโปร์ ก่อนนั่งรถบัสไปท่าเรือเพื่อต่อเรือเฟอร์รี่ไปยังเกาะบาตัมที่ใช้เวลาราวหนึ่งชั่วโมง โดยเราจะสำรวจกันทั้งสิ้น 4 สนามกอล์ฟ โดยเฉพาะสนามกอล์ฟ Palm Springs Golf & Country Club ที่ถือเป็นไฮไลท์ของทริปนี้ ด้วยการเป็นสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดของบาตัม และมีทำเลที่ติดทะเลอีกด้วย!

บรรยากาศห้องพักในโรงแรมที่เราพัก กว้าง นอนสบายครับ

เมื่อมาถึงเราได้เข้าพักกันที่โรงแรม Radisson Golf & Convention Center Batam ซึ่งถือว่าอยู่ในบริเวณตัวเมืองของบาตัม และใกล้ๆ กันก็มีห้างสรรพสินค้า รวมถึงที่สำคัญบริเวณของโรงแรมก็มีสนามกอล์ฟที่ชื่อ Padang Golf Sukajadi ที่เราจะสำรวจกันเป็นสนามที่ 2 ด้วย

Rendang เมนูคล้ายแกงกะหรี่เนื้อข้นๆ อร่อยเลยครับ

จากนั้นเราไปทานอาหารมื้อแรกของที่นี่กันที่ร้านอาหารริมชายทะลภายในโรงแรม Nongsa Point Marina & Resort ซึ่งเป็นอู่จอดเรือยอร์ชขนาดเล็กด้วย จานแรกที่นำมาเสิร์ฟของอินโดนีเซียที่มีชื่อว่า Gado Gado เป็นสลัดผักหลายๆ ชนิดราดด้วยน้ำสลัดคล้ายน้ำสะเต๊ะ ทานคู่แป้งถั่วเหลืองที่ทอดมากรอบๆ ความรู้สึกรสชาติไม่คุ้นชินเท่าไหร่ ก็เริ่มคิดแล้วครับว่าจะอยู่ยากหรือเปล่า เพราะต้องเจออาหารอินโดนีเซียอีกหลายวัน แต่ที่ไหนได้ครับ นี่เป็นเพียงออเดิร์ฟเท่านั้น ส่วนอาหารจานหลักที่เหลือต้องบอกอร่อยทุกเมนู โดยเฉพาะเมนูเนื้อนี่เขาทำได้อร่อยสมกับเป็นประเทศอิสลามมากครับ ที่เราได้ทานกันในมื้อนี้มีชื่อว่า Rendang รสชาติและหน้าตาคล้ายแกงกะหรี่เนื้อข้นๆ ทานกับข้าวสวยนี่เยี่ยมเลยครับ

วันต่อมาเราไปสำรวจสนามกอล์ฟกันตั้งแต่เช้าตรู่ที่ Palm Springs Golf & Country Club เพื่อหนีเวลาเร่งด่วนตามคำแนะนำของไกด์ โดยใช้เวลาราวครึ่งชั่วโมง สำหรับสนามแห่งนี้มีทั้งสิ้น 3 คอร์ส 27 หลุม ประกอบด้วย Palm Course, Island Course และ Resort Course โดยไฮไลท์จะอยู่ที่ Palm Course ซึ่งเป็นคอร์สเดียวที่ติดกับทะเล ส่วนอีกคอร์สที่เราเล่นคือ Resort Course ที่ให้อารมณ์สนามสไตล์เขา เรียกว่าทั้งสองสนามมีแคเรกเตอร์ที่แตกต่างกันไปเลย

Palm Springs Golf & Country Club จะสามารถมองเห็นทะเลได้จากหลายหลุม

จากที่ทดสอบต้องยอมรับเลยครับว่า Palm Springs Golf & Country Club ค่อนข้างสภาพเยี่ยมเลยทีเดียว โดยเฉพาะต้องยอมรับว่า การที่สนามติดทะเลนั้นจะทำให้การดูแลรักษานั้นยากกว่าปกติ ขณะที่เลย์เอ้าท์ก็ถือว่าท้าทายมาก ใน Resort Course ก็ถือว่าทำได้ดีมาก แต่ที่ยกนิ้วให้เลยคือ Palm Course ที่สมกับเป็นไฮไลท์ของสนามอย่างแท้จริง ด้วยวิวที่นอกจากเราจะมองเห็นทะเลจากหลายๆ หลุมแล้ว ในหลุม 6 เราจะเล่นโดยมีหาดทรายกับทะเลเป็นอุปสรรคด้วย! ด้วยพาร์ 4 ที่มีเลย์เอ้าท์แบบหักศอก จากช็อตไดร์ฟที่ต้องตีตรงไปวางตัวหน้าหาดทรายระยะราว 180 หลา จากนั้นจะเป็นด็อกเลกขวาที่เลียบไปกับชายหาดเลยครับ ผมชอบสนามแบบนี้ ที่ไม่ใช่แค่ติดกับทะเลเท่านั้น แต่เรายังเล่นกับทะเลให้ธรรมชาติมาเป็นอุปสรรคกับการเล่นของเราด้วย เลย์เอ้าท์สนามกอล์ฟติดทะเลนั้นว่าหายาก แต่เลย์เอ้าท์ที่เล่นกับอุปสรรคทะเลแบบนี้ยิ่งหายากเข้าไปใหญ่ ขอยกนิ้วให้เลยครับ

แคดดี้ที่นี่พูดภาษาอังกฤษเก่ง และเฟรนด์ลี่ทุกคนครับ

อีกหนึ่งเรื่องสำคัญที่นักกอล์ฟอยากรู้กัน คงต้องเป็นเรื่องของ “แคดดี้” โดยแคดดี้ของผมเธอมีชื่อว่า “ลีเดีย” ที่อายุแค่เพียง 20 ต้นๆ หน้าตาน่ารักแอบเข้มสไตล์สาวอินโดนีเซียของแท้ และบอกเลยว่าเธอเฟรนด์ลี่มากๆ แต่ไม่ใช่แค่กับลีเดียนะครับ แคดดี้ทุกคนในก๊วนเลย เฟรนด์ลี่มากทุกคน เอาเป็นว่าคุยเก่งเลยล่ะครับ ช่างซักช่างถาม เรียกว่าเป็นทั้งเพื่อนคุยและช่วยวางแผนการเล่นไปพร้อมกัน ที่สำคัญคือ พูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก ยกตัวอย่าง ช็อตที่ผมขอเหล็ก 7 จากแคดดี้ก็บอกเธอไปว่า “เซเว่น” แต่เธอทำหน้างง แล้วก็หยิบแซนด์เวดจ์มาให้ ผมก็เลยชี้ไปที่เหล็ก 7 จนเธอทำหน้าอ๋อออ แล้วก็ตอบผมกลับว่า “เซเวิ่น”…อืม นี่ครูสอนภาษาอังกฤษบ้านเราสอนผิดมาตลอดเลยหรือเนี่ย (ฮา) ส่วนทิปของแคดดี้จะมีมาตรฐานอยู่ที่ราว 150,000-200,000 รูเปียห์ หรือคิดเป็นเงินไทยอยู่ที่ประมาณ 300-400 บาทนิดๆ ครับ

ป้าย Welcome to Batam ถ้าไม่ถ่ายเหมือนมาไม่ถึง
สะพาน Balerang อีกหนึ่งจุดที่เหมาะแก่การถ่ายรูป

ออกจากสนามกอล์ฟเราก็ไปเที่ยวแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจของบาตัมกันบ้าง บาตัมมีที่เที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่งครับ ทั้งแนวสิ่งปลูกสร้างอย่างป้าย Welcome to Batam ที่ต้องไปชักภาพเป็นที่ระลึกว่าเรามาถึงกันแล้ว ป้ายนี้ตามข้อมูลใหญ่กว่าป้าย Hollywood เสียอีกนะครับ หรือจะเป็นสะพาน Balerang ที่สำหรับข้ามไปยังเกาะอื่นๆ ในหมู่เกาะเรียวที่เกาะบาตัมตั้งอยู่ ก็ถือเป็นอีกหนึ่งจุดที่เหมาะแก่การมาถ่ายรูปครับ

เสื้อเชิ้ตแบบบาติกนี่ผู้ชายอินโฑดนีเซียนิยมกันมากครับ
ร้าน Golden Layer Cakes หนึ่งในขนมขึ้นชื่อของที่นี่ เหมาะแก่การเป็นของฝาก

นอกจากนั้นเรายังมีโอกาสได้ไปชมร้านขายของสไตล์ท้องถิ่น อย่าง ร้าน Batik Outlet ที่จะขายเสื้อผ้าแบบที่ชาวอินโดนีเซีย ยกตัวอย่าง เสื้อเชิ้ตผ้าบาติกที่นิยมใส่กันบ้าง รวมถึงของที่ระลึกด้วยเล็กน้อย ส่วนอีกร้านที่เราไปแวะกันเป็นร้านขนม Golden Layer Cakes เป็นเค้กแบบอินโดนีเซีย มีหลายรสให้เลือกครับ

Padang Golf Sukajadi อยู่ภายในสนามกอล์ฟที่เราพักกัน
หลุม 15 ของ Padang Golf Sukajadi เลย์เอ้าท์โหดมาก

จากนั้นขอข้ามไปวันที่ 3 ของทริป วันนี้เราจะสำรวจสนามกอล์ฟ Padang Golf Sukajadi ที่อยู่ในส่วนของโรงแรมที่เราพักกันนี่เอง รวมถึงฝั่งหนึ่งของโรงแรมก็จะได้วิวสนามกอล์ฟแห่งนี้ด้วย สนามกอล์ฟนี้เรียกว่าตั้งอยู่กลางเมืองที่สุดแล้วครับ เป็นสนามสไตล์รีสอร์ท ฝั่ง 9 หลุมแรกจะราบเรียบ แต่น้ำเยอะ ส่วนหลุมท้ายๆ จนถึงฝั่ง 9 หลุมหลังเป็นสไตล์สนามภูเขากลางเมืองกันเลยทีเดียว โดยเฉพาะหลุมไฮไลท์ของที่นี่คือ หลุม 15 พาร์ 5 ที่เราจะต้องตีไต่ขึ้นเขา-ลงเขากันเลยทีเดียว ด้วยเลย์เอ้าท์ที่ตีเลาะไปกับเชิงเขา ถือว่าท้าทายมาก และหาได้ยากในบ้านเราที่มีสนามเขาอยู่กลางเมืองแบบนี้

สนามกอล์ฟอินโดนีเซียเขาบอกระยะกันเป็นเมตรนะครับ

เอ้อ! มีสิ่งสำคัญมากที่ต้องพูดถึงในการมาเล่นกอล์ฟที่อินโดนีเซียครับ นั่นคือ ที่นี่จะบอกระยะเป็น “เมตร” ไม่ใช่เป็นหลาเหมือนบ้านเรา เรียกว่าต้องปรับตัวคิดคำนวนกันนิดนึงครับ ถ้าจะเอาชัวร์แนะนำให้พกกล้องวัดระยะมาจะดีที่สุดครับ

Southlinks Country Club สภาพเนี้ยบ และทุกหลุมมีสองกรีนสองแท่นที

จากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกันเรายังมีอีกสองสนามกอล์ฟที่เราจะไปสำรวจกันด้วยคือ Southlinks Country Club สนามกอล์ฟสไตล์ญี่ปุ่นจ๋าๆ ที่สภาพเนี้ยบเลยครับ รวมถึงสิ่งอำนวยความสะดวกก็จะให้อารมณ์ญี่ปุ่น เช่น ส่วนของห้องอาบน้ำที่มีบริเวณนั่งกั้นกันเป็นคอกด้วย ขณะที่ตัวสนามนอกจากจะมีจุดเด่นที่ความเนี้ยบแล้ว ที่นีทุกหลุมยังมีสองกรีนและสองแท่นทีที่จะสลับกันไปแล้วแต่สนามกำหนด ทำให้ถ้ามาเล่นในบางวันที่แท่นทีและกรีนเปลี่ยนไป ก็จะเหมือนกับเล่นอีกสนามกอล์ฟไปเลย เรียกว่าไอเดียดีมากครับ

Tering Bay Golf & Country Club ต้นไม้เยอะ แฟร์เวย์กว้าง

ส่วนอีกสนามคือสนามกอล์ฟ Tering Bay Golf & Country Club สนามเก่าแก่ของบาตัม ที่เลย์เอ้าท์เป็นสไตล์ดั้งเดิม ต้นไม้เยอะ แฟร์เวย์กว้างและยาว กรีนเล็ก จริงๆ แล้วที่สนามนี้มีเลย์เอ้าท์ที่ติดทะเลด้วยนะครับ แต่ส่วนที่ติดทะเลจะเป็นเหมือนป่าชายเลนเล็กๆ ไม่ได้เป็นชายหาดเหมือนกับสนามที่เราเล่นกันในวันแรก

เต้าหู้ไข่ทรงเครื่อง อีกหนึงเมนูเด็ดของทริปบาตัม

ทิ้งท้ายคืนสุดท้ายที่เราจะอยู่กันที่บาตัมแล้ว โดยทางเจ้าภาพพาคณะไปเลี้ยงกันที่ภัตตาคารอาหารทะเล Wey Wey Cafe & Restaurant เพื่อสัมผัสซีฟู๊ดของอินโดนีเซียเป็นการส่งท้าย แต่เมนูที่ผมอยากพูดถึงที่สุดที่นอกจากที่นี่ก็เสิร์ฟกันมาหลายร้านคือ เมนูเต้าหู้ไข่ทรงเครื่องครับ! ที่นี่เขาทอดเต้าหู้ไข่มาก้อนใหญ่ๆ เนื้อสัมผัสนอกและในให้ความรู้สึกที่ต่างกัน แล้วโรยด้วยกระเทียมทอดกรอบๆ เข้ากันมาก เนี่ยละครับเมนูโปรดของผมที่นี่เลย

Nagoya Hill Shopping Mall มีทั้งห้างและแหล่งท่องเที่ยวไนท์ไลฟ์

ต่อท้ายอีกนิดนึงครับ คณะเราไปจบคืนนี้กันที่ย่านห้างสรรพสินค้าที่ใหญ่ที่สุดของบาตัมอย่าง Nagoya Hill Shopping Mall ที่ก็คล้ายห้างใหญ่ๆ ของบ้านเราครับ ที่นี่มีครบทุกอย่าง รวมถึงบริเวณใกล้กันก็จะเป็นร้านสำหรับไนท์ไลฟ์ด้วย

และทั้งหมดนี้คือ บาตัม ที่ HotGolf เรามีโอกาสได้ไปสัมผัสกันมา สนามกอล์ฟดี กรีนฟีไม่แพง ดูได้จากสนามกอล์ฟที่เราเล่นกันจะใช้ค่าใช้จ่ายไม่ถึง 3,000 บาทด้วยซ้ำ นอกจากนี้ผู้คนก็ยังเป็นมิตร และที่สำคัญอาหารอร่อยครับ สถานที่ท่องเที่ยวก็ให้ประสบการณ์ที่แปลกใหม่ออกไปเลย ถ้ามีโอกาสก็อยากเชิญชวนให้นักกอล์ฟมาสัมผัส ถ้าได้มาสักครั้งรับรองว่าทุกคนจะหลงรัก “บาตัม” อย่างแน่นอนครับ