รีวิวไม้กอล์ฟ : TaylorMade P770 | P7MB | P7MC

เรียกว่าจัดเต็มสุดๆ สำหรับ TaylorMade เมื่อเปิดตัวไลน์ชุดเหล็กออกมารวดเดียวถึงสามโมเดล P770, P7MB และ P7MC แถมแต่ละโมเดลก็มีความสวยงามในแบบของตัวเอง ชนิดที่เชื่อว่านักกอล์ฟเลือกใช้กันไม่ถูกเลยทีเดียว

แม้จะมีการดีไซน์ออกแบบใบเหล็กออกมาสวยงามใกล้เคียงกัน แต่ทั้งสามโมเดลก็มีแคเรกเตอร์ที่โดดเด่นเฉพาะตัวอย่างชัดเจน ไล่ตั้งแต่รุ่น P770 ที่เป็นการต่อยอดจาก P790 รุ่นยอดนิยมของแบรนด์ในช่วงปีที่ผ่านมา ด้วยเทคโนโลยีหลักเดียวกันทั้งหมด ในรูปทรงที่กะทัดรัดมากยิ่งขึ้น ทั้งท็อปไลน์ที่บางกว่า, ออฟเซ็ตน้อยกว่า และขนาดใบสั้นลง เหมาะสำหรับนักกอล์ฟที่ชื่นชอบในประสิทธิภาพด้านระยะทางและการชดเชยความผิดพลาดของ P790 แต่ต้องการใบเหล็กที่เล็กลง

P770 ขึ้นรูปด้วยกรรมวิธีฟอร์จ และมีโครงสร้างแบบกลวง ภายในมีการฉีด SpeedFoam ทำให้สามารถออกแบบหน้าเหล็กได้บางถึงขีดสุด ทำให้โดดเด่นทั้งด้านฟีลลิ่ง, การสร้างระยะทาง และการชดเชยความผิดพลาด เสริมด้วยร่อง Thru-Slot Speed Pocket และ Progressive ICT ที่ทำให้หน้าเหล็กสามารถสร้างความเร็วได้จากทั่วทุกจุด อีกทั้งยังมีการใส่ทังสเตน ทำให้สามารถวางตำแหน่งจุดศูนย์ถ่วงได้แม่นยำที่สุด

ขณะที่ P7MB โมเดลเหล็กเบลดหลังตันสำหรับผู้เล่นมือดี ดีไซน์รูปทรงจากฟีดแบ็คของนักกอล์ฟในทัวร์ ให้ความรู้สึกคลาสสิคและทันสมัยไปพร้อมกัน ท็อปไลน์บาง ออฟเซ็ตแบบไล่ระดับเพื่อให้มุมมองการจรดลูกที่สะอาดตา ฐานแคบ ทำให้ตีผ่านง่าย และเหมาะสำหรับการเล่นแบบแต่งช็อตเป็นพิเศษ

P7MB ผลิตวัสดุคาร์บอนสตีล 1025 ที่ขึ้นชื่อเรื่องความนุ่มนวล ใช้กรรมวิธีผลิตด้วยฟอร์จแบบพิเศษ Compact Grain Forging ที่แรงกด 2,000 ตัน ทำให้เนื้อมวลเหล็กอัดแน่น ทำให้ได้ฟีลลิ่งในการตีที่หนักแน่นแต่นุ่มนวล ในส่วนของหน้าเหล็กใช้กระบวนการทำร่องแบบ Machined face และ MX9 score lines เพื่อให้ได้ร่องที่คมและแม่นยำ เพิ่มความดุดันในการเล่นสำหรับนักกอล์ฟประเภทบอลสไตรเกอร์ ให้คอนโทรลทิศทางได้ตามที่ต้องการ

และสุดท้ายคือ P7MC อีกหนึ่งรุ่นเหล็กที่โดดเด่นด้วยดีไซน์แบบทัวร์ เคียงข้างกับ P7MB แต่ด้วยโครงสร้าง Muscle Cavity Performance มีโพรงด้านหลัง ที่้เพิ่มคุณสมบัติการสร้างระยะทาง และการชดเชยความผิดพลาดเข้ามามากขึ้น โดยที่ยังคงรูปลักษณ์ของใบเหล็กแบบคลาสสิคร่วมสมัยเอาไว้

ชุดเหล็ก TaylorMade P770, P7MB และ P7MC มีก้านสต็อกเป็น N.S. PRO Modus3 105 และก้าน N.S. PRO 950 GH Neo โดยมีราคาขายที่เซ็ตละ 59,500 บาท นักกอล์ฟที่สนใจข้อมูลเพิ่มเติมสามารถสอบถามรายละเอียดผลิตภัณฑ์ได้โดยตรงที่ 02-019-9743

Tested by อรรถพล โล่สุวรรณ หัวหน้ากองบรรณาธิการ HotGolf
ยอมรับว่าครั้งแรกที่ได้เห็น TaylorMade รุ่นใหม่ทั้งสามรุ่น อดชื่นชมไปด้วยความสวยงามของทั้งสามรุ่นไม่ได้เลยครับ ต้องยกนิ้วว่าช่วงหลัง TaylorMade ทำเหล็กออกมาได้สวยมาก แต่ในความสวยงามนี้ก็ยอมรับว่าแอบหวั่นใจไม่น้อยว่า อาจจะตียากหรือเปล่า ตัวผมได้ทดสอบทั้งสามรุ่นเลย ไล่ตั้งแต่ P770 ซึ่งแม้ใบจะเล็กลง แต่ยังคงรักษาขนาดความหนาที่กำลังดีเอาไว้ และตีแล้วรู้สึกไม่ได้ยากอย่างที่คิด แถมระยะไม่หายด้วย ตีลูกลอยง่าย ฟีลลิ่งไปทางนุ่มแน่น ไม่ได้นุ่มเนยแบบเหล็กญี่ปุ่น ขณะที่ประสิทธิภาพความแน่นอนค่อนข้างดีเลยทีเดียว เหมาะกับนักกอล์ฟที่ชอบเหล็กตัวช่วยเยอะ แต่ไม่ชอบใบเหล็กใหญ่หนาแบบเหล็ก Game Improvement รุ่น P770 นี่ล่ะครับตอบโจทย์อย่างแท้จริง
จากรุ่นเทคโนโลยีเยอะ มาถึงรุ่นทีเด็ดอย่าง P7MB และ P7MC ต้องยอมรับว่า ใบเล็กบางได้ใจ ซึ่งส่วนตัวผมมองว่า ถ้ากับนักกอล์ฟทั่วไปจะใช้ได้ดีที่สุด เมื่อนำไปผสมเป็นเหล็กสั้นอยู่ในคอมโบเซ็ต เนื่องจากถ้าเป็นเหล็กยาวอาจจะเข้าลูกยากนิดนึง แต่ถ้าเหล็กสั้นนี่เหมาะเลยครับ เพราะว่า ผลงานที่ได้ค่อนข้างแน่นอนสูง เรียกว่าถ้าโดนดีนี่ทิศทางไม่ผิดไปไหนแน่นอน สมกับเป็นเหล็กไว้ทำสกอร์อย่างแท้จริง แต่ถ้าเป็นนักกอล์ฟแฮนดิแคปต่ำๆ จะใช้ทั้งเซ็ตเลยก็ไม่ว่ากัน รับประกันผลงานออกมาแน่นอนเหมือนโปรเลยครับ

**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์ผ่าน HotGolf Shop สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hotgolf