“ตีกอล์ฟทิพย์”…ไปกับ 8 ที่สุดเดสติเนชั่นสนามกอล์ฟหลังโควิด-19

ช่วงนี้กระแส “เที่ยวทิพย์” กำลังมาแรง กับการท่องเที่ยวอยู่ในจินตนาการ เนื่องจากความจริงที่ปัจจุบันเรายังไม่สามารถออกไปเที่ยวที่ไหนได้ตามใจ จากปัญหาการระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึงจากมาตรการล็อกดาวน์ที่ออกมาล่าสุด

จุดหมายปลายทางของการเที่ยวทิพย์ ส่วนใหญ่แล้วก็คือ เป้าหมายที่เราอยากไป โดยเฉพาะการไปท่องเที่ยวยังต่างประเทศ เมื่อสถานการณ์ทุกอย่างกลับมาเป็กปกติอีกครั้ง ไม่จำเป็นต้องกักตัวอีกต่อไป

ถึงแม้สถานการณ์โควิด-19 ในบ้านเราตอนนี้จะยังไม่สู้ดีนัก ทุกคนต้องพยายามกักเก็บตัวอยู่แต่ในบ้าน เพื่อให้รอดวิกฤตครั้งนี้ไปได้โดยเร็วที่สุด แต่ทุกคนก็มีสิทธิ์ที่จะคิดฝันวางแผนอนาคตว่า เดสติเนชั่นในการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ของคุณจะเป็นที่ไหน แถมข้อดีของการคิดไกลเช่นนี้ ยังจะช่วยให้มีเวลาในการเตรียมตัวเหลือเฟืออีกด้วย

ดังนั้น HotGolf เราจึงอยากนำเสนอ 8 ที่สุดเดสติเนชั่นกอล์ฟจากทั่วโลก สำหรับ “ตีกอล์ฟทิพย์” ในช่วงนี้ไปก่อน รวมถึงบางทีคุณอาจพิจารณาให้มันเป็นเดสติเนชั่นของคุณ หลังจากหมดยุคโควิดระบาดได้ด้วยเช่นกัน

*ทั้งนี้ หลักการพิจารณาเดสติเนชั่นสนามกอล์ฟทั้ง 8 สนามกอล์ฟนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นส่วนตัวของกองบรรณาธิการนิตยสาร HotGolf เท่านั้น

เพ็พเบิ้ลบีช กอล์ฟ ลิ้งค์ส
เมืองเพ็พเบิ้ลบีช, รัฐแคลิฟอร์เนีย, ประเทศสหรัฐอเมริกา
สุดยอดสนามกอล์ฟในฝันแรกที่หลายคนหวังว่า อยากมีโอกาสไปสัมผัสออกรอบ 18 หลุมให้ได้สักครั้ง หนึ่งในนั้นต้องมีเพ็พเบิ้ลบีฃ กอล์ฟ ลิ้งค์ส รวมอยู่ด้วยแน่นอน สำหรับสุดยอดสนามกอล์ฟที่ถูกยกให้เป็นสนามกอล์ฟอันดับ 1 ของประเทศสหรัฐฯ จากหลากหลายสำนัก ดังที่สนามมีสโลแกนเป็นของตัวเองว่า “#1 Public Golf Course in America”
เพ็พเบิ้ลบีช กอล์ฟ ลิงค์ส ตั้งอยู่ติดทะเลของอ่าวคาร์เมลเบย์ โดยมีถึง 9 หลุมที่จะเลียบไปกับชายฝั่งหินติดมหาสมุทรแปซิฟิค ส่งผลให้นักกอล์ฟที่มาเล่นที่นี่จะได้อิ่มเอมกับวิวท้องทะเลอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะหลุม 7 ที่ถือเป็นหนึ่งในหลุมพาร์ 3 ที่โด่งดังที่สุดของวงการกอล์ฟ ด้วยเลย์เอ้าท์ที่ต้องตีทางลงไปยังกรีนที่อยู่บนแหลมที่ยื่นเข้าหาทะเล ซึ่งมีลมแรง, แปรปรวน และคาดเดาลำบาก มันจึงทั้งสวยงามและยากสุดหินไปพร้อมกัน
นอกจากความสวยงามจะอยู่ในอันดับต้นๆ แล้ว เพ็พเบิ้ลบีช กอล์ฟ ลิงค์ส ยังถูกจัดอันดับให้เป็นสนามกอล์ฟที่มีค่ากรีนฟีแพงที่สุดแห่งหนึ่งของโลก อยู่ที่ประมาณ 525 เหรียญสหรัฐฯ หรือกว่า 16,000 บาทเลยทีเดียว
เว็บไซต์ : www.pebblebeach.com/golf/pebble-beach-golf-links

เบธเพจ แบล็ก
ฟาร์มิ่งเดล, รัฐนิวยอร์ก, ประเทศสหรัฐอเมริกา
จากสนามกอล์ฟที่ขึ้นชื่อว่าสวยสุดๆ ของอเมริกาแล้ว มาต่อกันที่สนามที่ได้ชื่อว่าท้าทายที่สุดกันบ้าง และถ้าพูดถึงสนามกอล์ฟที่ยากสุดๆ จนถึงขั้นต้องมีป้ายเตือนเอาไว้เลย คงต้องเป็น “เบธเพจ แบล็ก” เท่านั้น
เบธเพจ แบล็ค เป็นสนามกอล์ฟที่ขึ้นชื่อว่ายากสุดๆ จนถึงขั้นมีป้ายเตือนอยู่หน้าสนามว่า เหมาะกับผู้เล่นมือดีเท่านั้น ด้วยทั้งระยะที่ยาว, แฟร์เวย์แคบ, รัฟเหนียว, บังเกอร์โหด ถึงขั้นที่บางสื่อยกให้สนามแห่งนี้เป็นสนามกอล์ฟที่ยากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของสหรัฐฯ และที่สำคัญคอร์สนี้มีหมุดให้นักกอล์ฟเล่นเพียงหมุดเดียวเท่านั้นคือ หมุดดำ ตามชื่อของคอร์สนั่นเอง
นอกจากความยากจะขึ้นชื่อแล้ว ที่นี่ยังเคยถูกใช้จัดกอล์ฟรายการสำคัญๆ มาแล้วหลายครั้ง รวมถึงกอล์ฟแห่งศักดิ์ศรีอย่างไรเดอร์คัพที่จะมีขึ้นในปี 2025 ซึ่งพิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่า คุณภาพของสนามก็อยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยมเช่นกัน ส่วนค่ากรีนฟีของที่นี่นั้นจะอยู่ที่ราว 130-150 เหรียญสหรัฐฯ หรือประมาณ 4,000-4,600 บาทเท่านั้น
เว็บไซต์ : www.bethpagegolfcourse.com

เซ็นต์แอนดรูวส์ โอลด์ คอร์ส
เซ็นต์แอนดรูวส์, ประเทศสกอตแลนด์
จากสนามในสหรัฐฯ ข้ามฟากมาต่อกันที่ยุโรป และจุดหมายปลายทางคงไม่มีที่ไหนเหมาะไปกว่าสนามกอล์ฟที่เก่าแก่ที่สุดในโลก และได้ชื่อว่าเป็น Home of Golf อย่าง เซ็นต์แอนดรูวส์ โอลด์ คอร์ส อีกแล้ว
เซ็นต์แอนดรูวส์ โอลด์ คอร์ส คือจุดเริ่มต้นของเกมกอล์ฟ ด้วยประวัติศาสตร์ยาวนานกว่า 400 ปี แม้แต่รูปแบบการเล่นกอล์ฟ 18 หลุมก็มีจุดเริ่มต้นขึ้นจากที่นี่ ทุกส่วนทั่วทุกบริเวณของสนามกอล์ฟนั้นเต็มไปด้วยเรื่องเล่าและตำนาน ชนิดที่ว่าเดินทัวร์ทั้งวันก็อาจจะเล่ากันไม่หมด แม้แต่บังเกอร์ของสนามทั้ง 112 บังเกอร์ก็ยังมีชื่อและเรื่องเล่าของตัวเอง
ไม่ว่าจะเป็น บังเกอร์ของหลุม 17 “The Road Hole” ถูกตั้งชื่อว่า “The Sands of Nakajima” ตามชื่อของนักกอล์ฟชาวญี่ปุ่น ทอมมี่ นากาจิม่า ที่ต้องตีถึง 4 ครั้งกว่าจะหลุดออกมาจากบังเกอร์นี้ได้ หรือมุมถ่ายรูปยอดนิยมอย่างสะพานหิน “Swilcan Bridge” บริเวณแฟร์เวย์หลุม 18 ที่มีอายุมากกว่า 700 ปี และเป็นสัญลักษณ์อันเก่าแก่สุดคลาสสิคของสนาม เมื่อคุณมาเล่นที่นี่มันเหมือนว่าคุณกำลังได้เป็นส่วนหนึ่งของประวัติศาสตร์วงการกอล์ฟ
สำหรับค่ากรีนฟีของโอลด์ คอร์ส แบ่งตามช่วงเวลาโลว์ซีซั่น-ไฮซีซั่น ด้วยราคา 98-195 ปอนด์ หรือประมาณ 4,200-8,400 บาท
เว็บไซต์ : www.standrews.com

จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตท
ดูไบ, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
จากสหรัฐฯ ไปยังยุโรป และกลับมาที่ทวีปเอเชียของเรากันบ้าง หนึ่งในประเทศที่สถาปนาตัวเองขึ้นมาเป็นเดสติเนชั่นแห่งใหม่ระดับโลก คงต้องยกให้กับนครดูไบ, ประเทศสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ที่เต็มไปด้วยสนามกอล์ฟระดับ 5 ดาว แต่สนามที่คุณไม่ควรพลาด ในฐานะเป็นสังเวียนของการแข่งขัน ดีพี เวิลด์ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ รายการปิดท้ายของยูโรเปี้ยนทัวร์ นั่นคือ จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตท
จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตท เป็นโครงการอสังหาริมทรัพย์สุดหรู ที่มีสนามกอล์ฟฝีมือการออกแบบของ เกร็ก นอร์แมน เป็นจุดศูนย์กลาง จำนวนสองคอร์สคือ Fire และ Earth โดยเฉพาะคอร์ส Earth ที่ใช้ในการแข่งขันดีพี เวิลด์ทัวร์ แชมเปี้ยนชิพ นั่นเอง
ในฐานะที่ จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตท คือสนามกอล์ฟที่เป็นที่เชิดหน้าเชิดตาของนครดูไบ มันจึงเป็นสถานที่ต้องรวมสิ่งที่ดีที่สุดเข้ามาไว้ในทุกด้าน นี่ไม่ใช่แค่สนามกอล์ฟระดับ 5 ดาว แต่มันคือสนามกอล์ฟระดับเวิลด์คลาส ที่แม้จะเพิ่งเปิดบริการในปี 2009 แต่พวกเขาก็สร้างประวัติศาสตร์ของตัวเองขึ้นมา
ความน่าสนใจของ จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตท ยังอยู่การที่เนรมิตรมันขึ้นมาจากพื้นที่เดิมที่เคยเป็นทะเลทราย กลายมาเป็นสนามกอล์ฟสุดแสนสมบูรณ์ไปด้วยต้นไม้, แฟร์เวย์ที่เป็นเนินสโลป พร้อมอุปสรรคน้ำที่วางไว้อย่างวิจิตรบรรจง ไม่ใช่แค่เพื่อความท้าทาย แต่ทำให้สนามแห่งนี้เปรียบเหมือนเป็นโอเอซิสกลางทะเลทรายที่ดูน่ามหัศจรรย์มากๆ
สำหรับกรีนฟีของ จูไมราห์ กอล์ฟ เอสเตท จะอยู่ที่ราวๆ 8,000 บาทเท่านั้น ซึ่งถือว่าถูกมากสำหรับเศรษฐีดูไบ
เว็บไซต์ : www.jumeirahgolfestates.com

ฟูจิ คลาสสิค
ยามานาชิ, ประเทศญี่ปุ่น
ขยับเข้ามาใกล้เรื่อยๆ และนี่ถึงคิวประเทศยอดนิยมของนักท่องเที่ยวชาวไทย ขณะที่ในฐานะเดสติเนชั่นกอล์ฟ ที่ญี่ปุ่นมีสนามกอล์ฟรวมกันทั้งประเทศมากถึง 2,500 สนาม บางจังหวัดมีสนามกอล์ฟเกิน 200 แห่ง หรือเทียบเท่าประเทศไทยทั้งประเทศ แต่สนามกอล์ฟที่เป็นจุดหมายของใครหลายคน ด้วยวิวอันโดดเด่น นักกอล์ฟหลายคนน่าจะคิดเหมือนกันว่าต้องเป็นที่ “ฟูจิ คลาสสิค” ที่นี่เท่านั้น
ฟูจิ คลาสสิค เป็นสนามกอล์ฟที่โดดเด่นด้วยวิวของภูเขาไฟฟูจิ อันเป็นสัญลักษณ์ของประเทศญี่ปุ่น ถึงแม้จริงๆ แล้วรอบๆ ของฟูจินั้นจะมีหลากหลายสนามกอล์ฟ ที่สามารถมองเห็นภูเขาไฟได้ด้วยเช่นกัน แต่ ฟูจิ คลาสสิค คือสนามกอล์ฟที่อยู่ใกล้มากที่สุด ตั้งอยู่บริเวณตีนเขาเลยทีเดียว นักกอล์ฟจึงสามารถเห็นภูเขาไฟฟูจิได้จากทุกหลุมของสนามทั้ง 18 หลุม ซึ่งผู้ออกแบบคือ เดสมอนด์ มุยร์เฮด รู้ดีว่าจุดขายของสนามแห่งนี้คือ วิวทิวทัศน์ที่ไม่สามารถหาจากที่ไหน จึงออกแบบเป็นสไตล์กึ่งลิงค์คอร์ส ให้พื้นที่เปิดมากที่สุด เพื่อที่นักกอล์ฟที่มาเล่นที่นี่จะได้สัมผัสกับวิวภูเขาไฟได้อย่างเต็มอิ่มมากที่สุด
ค่ากรีนฟีของ ฟูจิ คลาสสิค อยู่ที่ราว 3,200 บาทสำหรับวันธรรมดา และอยู่ที่ 5,400 บาทสำหรับวันหยุด
เว็บไซต์ : http://fuji.classic.ne.jp/

เรีย บินตัน กอล์ฟคลับ
บินตัน, ประเทศอินโดนีเซีย
ไปกันมารอบโลก มาถึงประเทศที่อยู่ในอาเซียนของเรา หนึ่งในประเทศที่เหมาะอย่างยิ่งกับพักผ่อนริมชายหาด แถมยังสนามกอล์ฟสวยติดอันดับโลกคือ อินโดนีเซีย โดยเฉพาะกับสนาม เรีย บินตัน กอล์ฟคลับ ที่มีชื่อเสียงโด่งดังมายาวนาน และเป็นที่รู้จักของนักกอล์ฟชาวไทยเป็นอย่างดี
เรีย บินตัน กอล์ฟคลับ เป็นผลงานการออกแบบของ แกรี่ เพลเยอร์ ที่มีผลงานการออกแบบมากว่า 300 สนามกอล์ฟทั่วโลก แต่ที่ เรีย บินตัน นั้นเป็นผลงานระดับมาสเตอร์พีซของเขาเลยก็ว่าได้ และเป็น 1 ใน 10 ผลงานการออกแบบสนามกอล์ฟที่เจ้าตัวเองชอบมากที่สุด โดยเฉพาะ Ocean Course ที่ติดทะเลจีนใต้ และเขาก็ใช้ประโยชน์ทำเลที่ตั้งอย่างเต็มที่ ด้วยเลย์เอ้าท์ที่ต้องตีข้ามทะเล! กันเลยทีเดียว ซึ่งหาได้ยากจากสนามกอล์ฟอื่นๆ ในโลกนี้
อีกหนึ่งจุดเด่นของ เรีย บินตัน คือ มาพร้อมโรงแรมที่พักสุดหรู หรือในบริเวณเดียวกันกับสนามกอล์ฟก็ยังมีโรงแรมที่พักระดับ 5 ดาวให้เลือกอีกหลายแห่ง มันจึงเหมาะอย่างยิ่งกับการเป็นสถานที่ที่คุณจะได้เพลิดเพลินไปกับเกมกอล์ฟและผ่อนคลายอย่างแท้จริง
ค่ากรีนฟีของ เรีย บินตัน กอล์ฟคลับ จะเริ่มต้นที่ประมาณ 5,000 บาทสำหรับวันธรรมดา และราว 7,000 บาทสำหรับช่วงวันหยุด
เว็บไซต์ : www.riabintan.com

ฮอยอันน่า ชอร์ กอล์ฟคลับ
กว๋างนาม, ประเทศเวียดนาม
เวียดนาม เป็นประเทศที่เติบโตเร็วมากๆ และหนึ่งในอุตสาหกรรมที่น่าจับตามองคือ สนามกอล์ฟ ด้วยจุดเด่นที่ตอนนี้มีสนามกอล์ฟใหม่ๆ เกิดขึ้นมากมาย และมีจุดขายที่ดึงนักออกแบบสนามกอล์ฟระดับโลกมาเป็นผู้ออกแบบ รวมถึงนักกอล์ฟชื่อดัง ขณะที่สนามกอล์ฟที่ได้รับความสนใจอย่างมากในขณะนี้ ในฐานะการส่วนหนึ่งของอภิมหาโปรเจ็กต์ของเวียดนาม นั่นคือ ฮอยอันน่า ชอร์ กอล์ฟคลับ
ฮอยอันน่า ชอร์ กอล์ฟคลับ เป็นส่วนหนึ่งของโครงการฮอยอันน่า คอมเพล็กซ์ ที่มีห้างสรรพสินค้าสุดหรู, โรงแรมระดับ 5 ดาว และโครงการอสังหาริมทรัพย์ ติดริมชายฝั่งฮอยอัน โดยตัวสนามกอล์ฟคงคอนเซ็ปต์ออกแบบโดยนักออกแบบสนามกอล์ฟชื่อดังระดับโลก นั่นคือ โรเบิร์ต เทรนท์ โจนส์ จูเนียร์ ซึ่งเป็นผลงานแรกของเขาในเวียดนามอีกด้วย
สนามกอล์ฟ ฮอยอันน่า ชอร์ กอล์ฟคลับ ถูกออกแบบในสไตล์ลิ้งค์คอร์ส โดยรักษาสภาพดั้งเดิมที่เป็นพื้นที่ติดทะเลเอาไว้ได้อย่างสมบูรณ์แบบ ด้วยการใช้จุดเด่นของพื้นที่เนินทราย ที่มีความสลับซับซ้อนในตัวของมันเอง พร้อมด้วยอุปสรรคธรรมชาติที่มีอยู่แล้ว ทั้งสนทะเล, พื้นที่ทราย และที่สำคัญคือ ลม ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์และความท้าทายของลิ้งค์คอร์สแบบดั้งเดิมอย่างแท้จริง
แม้จะเป็นสนามกอล์ฟระดับ 5 ดาวแห่งใหม่ล่าสุดของเวียดนาม แต่ราคาค่ากรีนฟีของ ฮอยอันน่า ชอร์ กอล์ฟคลับ นั้นถือว่าเป็นมิตรมาก โดยอยู่ที่ราว 2,500 บาทเท่านั้น
เว็บไซต์ : www.hoiana.com/golf

บันยัน กอล์ฟคลับ
ประจวบคีรีขันธ์, ประเทศไทย
จากรอบโลก HotGolf ขอปิดท้ายด้วยเดสติเนชั่นกอล์ฟที่ประเทศไทยของเราเอง ในฐานะที่มีโอกาสมากที่สุดในเวลานี้ และเราขอแนะนำ บันยัน กอล์ฟคลับ ในฐานะเป็นสนามกอล์ฟที่ดีที่สุดของอำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ สถานที่พักตากอากาศชั้นเยี่ยมสำหรับทุกคน
บันยัน กอล์ฟคลับ เป็นผลงานการออกแบบของ คุณพิรพน นะมาตร์ นักออกแบบสนามกอล์ฟมือหนึ่งของไทย ที่มีผลงานมาแล้วมากมาย ด้วยเลย์เอ้าท์ที่โดดเด่น ลัดเลาะไปตามแนวเขาธรรมชาติ เต็มไปความท้าทายที่นักกอล์ฟสามารถสนุกกับการเล่นได้ในทุกระดับฝีมือ มาพร้อมความสมบูรณ์ของสนามที่ใช้เทคโนโลยีเซ็นเซอร์อันทันสมัยในการดูแลและควบคุม
ความยอดเยี่ยมของ บันยัน กอล์ฟคลับ พิสูจน์ด้วยการกวาดรางวัลสนามกอล์ฟยอดเยี่ยมจากสถาบันต่างๆ มาแล้วมากมาย นอกจากนี้ยังได้รับเลือกให้สังเวียนรอบชิงชนะเลิศการแข่งขันกอล์ฟสมัครเล่นระดับเวิลด์คลาสที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง BMW Golf Cup ซึ่งเพียงเท่านี้ก็มากเกินพอแล้วว่า บันยัน กอล์ฟคลับ ถึงเป็นเดสติเนชั่นสนามกอล์ฟอันดับหนึ่งของประเทศไทย
เว็บไซต์ : www.banyanthailand.com

**ขอเชิญเข้าร่วมไลน์กลุ่ม Line OpenChat #HotGolf #GreenFeeMart ที่รวบรวมทุกโปรโมชั่นสนามกอล์ฟไว้มากที่สุดในประเทศไทย ได้ที่คลิก https://bit.ly/2MnVBYz