“คอลลิน โมริกาวะ” คว้าแชมป์ดิโอเพ่น กับอาถรรพ์ 10 ปีที่ถูกทำลาย

เป็นฟอร์มการเล่นที่เรียกว่า “ไร้ที่ติ” สำหรับการคว้าแชมป์ ดิ โอเพ่น ครั้งที่ 149 ของ “คอลลิน โมริกาวะ”

โมริกาวะ สร้างประวัติศาสตร์เป็นนักกอล์ฟคนแรก ที่คว้าแชมป์ 2 เมเจอร์ ทั้งที่เพิ่งลงเล่นใน 2 เมเจอร์ดังกล่าวเป็นครั้งแรก จากที่การคว้าแชมป์พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ เมื่อปีที่แล้ว 2020 ก็เป็นการคว้าแชมป์ทั้งที่ลงแข่งเป็นเพียงครั้งแรกเช่นกัน

นักกอล์ฟหนุ่มวัยเพียง 24 ปี พลิกแซงเอาชนะ หลุยส์ อูสธุยเซ่น และหนีความกดดันจาก จอร์แดน สปีธ ด้วยการเล่นที่ไม่ผิดพลาดเลย โดยเฉพาะจุดเปลี่ยนสำคัญคือช่วงหลุม 7 และ 8 ไล่ตั้งแต่การทำเบอร์ดี้ในหลุม 7 พาร์ 5 ในขณะที่ อูสธุยเซ่น พลาดเสียโบกี้

และอย่างยิ่งกับหลุม 8 พาร์ 4 ระยะ 450 หลา ซึ่งเป็นหลุมโปรดของ โมริกาวะ จากที่เขาทำเบอร์ดี้ได้ทั้ง 3 วันก่อนหน้านี้ และรอบสุดท้ายก็มาทำเบอร์ดี้ได้อีกเช่นกัน กลายเป็นหลุมที่ทำเบอร์ดี้ได้ครบทั้ง 4 วัน ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างอยู่ในมือของเขาทันที

แม้จะมีบางหลุมที่ต้องเล่นลูกข้างกรีนจากไลยากๆ หรือการต้องพัตต์ยากๆ เพื่อเซฟพาร์ โมริกาวะ ก็ยังไม่พลาดทั้งหมด ก่อนจบด้วยการไม่หลุดเสียโบกี้เลย และนี่คือคุณสมบัติคนที่จะเป็นแชมป์อย่างแท้จริง

แม้เกมการเล่นที่รอยัล เซนต์จอร์เจสของ โมริกาวะ จะถือว่ายอดเยี่ยมรอบด้าน ตั้งแต่ทีถึงกรีน แต่หนึ่งในจุดที่เขาได้รับคำชมมากคือ เกมเหล็กที่เล่นได้อย่างแน่นอน พิสูจน์ด้วยสถิติกรีนส์อินเรกูเลชั่น ที่เปอร์เซ็นต์เฉลี่ย 77.78% รั้งอันดับ 5 ของการแข่งขัน

หนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ โมริกาวะ มีเกมเหล็กที่ยอดเยี่ยม นั่นก็เพราะการทำงานร่วมกับ TaylorMade เพื่อเซ็ตชุดเหล็กสำหรับลงแข่งขันในรายการนี้มาโดยเฉพาะ เมื่อต้องเจอกับพื้นที่ทั้งแข็งและแน่นตามสไตล์ลิงค์คอร์ส

ก่อนหน้าลงแข่ง โมริกาวะ ใช้เซ็ตเหล็กแบบคอมโบที่มีมากถึง 3 โมเดลย่อยมาประกอบกันคือ TaylorMade P770 ในเหล็ก 4, P7MC ในเหล็ก 5-6 และ P730 ในเหล็ก 7 ถึงพิชชิ่งเวดจ์ PW

แต่ในสัปดาห์นี้ เจ้าตัวปรับใหม่มาใช้เหล็ก P7MC ในเหล็ก 5-9 และ P730 เฉพาะพิชชิ่งเวดจ์ ด้วยจากคุณสมบัติของ P7MC ที่สามารถตีเข้ากลางหน้าเหล็กได้มากขึ้น และให้สปินสำหรับเขาได้มากกว่า ช่วยให้ตีได้แน่นอน ควบคุมระยะของเหล็กได้ส่ม่ำเสมอมากขึ้น และนี่เองที่ทำให้ โมริกาวะ มีเหล็กที่ยอดเยี่ยมอย่างมาก

การคว้าแชมป์ของ โมริกาวะ นอกจากจะเป็นการพิสูจน์ว่า เขาคือนักกอล์ฟชั้นนำแถวหน้าระดับโลกอย่างแท้จริงแล้ว ที่สำคัญที่สุดคือ การทำลายอาถรรพ์ของนักกอล์ฟที่ประเดิมแชมป์เมเจอร์ ด้วยรายการพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ที่มีมานานกว่า 10 ปีลงได้สำเร็จ

เพราะนับตั้งแต่ปี 2011 เป็นต้นมา นักกอล์ฟที่ประเดิมแชมป์เมเจอร์ของตัวเอง ด้วยรายการพีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ ไม่มีใครคนไหนเลยที่คว้าแชมป์เมเจอร์ได้มากกว่าหนึ่งรายการ หลังจากแชมป์เมเจอร์แรกนั้นของตัวเอง

ทั้งที่รายชื่อของผู้ที่เป็นแชมป์ ประกอบด้วยนักกอล์ฟมือดีมากมาย ไม่ว่าจะเป็น คีแกน แบรดลีย์ (2011), เจสัน ดัฟเนอร์ (2013), เจสัน เดย์ (2015), จิมมี่ วอล์คเกอร์ (2016) และล่าสุดคือ จัสติน โธมัส (2017) ทั้งหมดนี้คือนักกอล์ฟที่ได้แชมป์เมเจอร์แรกของตัวเองคือ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ และยังเป็นเพียงแชมป์เมเจอร์เดียวหลังจากนั้น

อาถรรพ์แบบนี้จะถูกทำลายลงได้ ก็เพราะจากยอดฝีมือเท่านั้น และนั่นบ่งบอกถึงความสุดยอดของ “คอลลิน โมริกาวะ” ได้เป็นอย่างดี…

**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์จากทุกแบรนด์ชั้นนำ ผ่าน HotGolf Shop สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40hotgolf