Site icon เว็บไซต์ HotGolfClub.com เว็บไซต์กีฬากอล์ฟอันดับหนึ่ง ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการกอล์ฟ และอยู่เคียงคู่กับนักกอล์ฟมายาวนานกว่า 20 ปี

ประวัติศาสตร์ ของ “ไม้กอล์ฟ”

เชื่อเลยว่า หลายคนที่เล่นกอล์ฟ อาจจะยังไม่เคยรู้ถึงประวัติศาสตร์ความเป็นมาของไม้กอล์ฟอย่างแน่นอน แม้จะเล่นมาหลายปีแล้วก็ตาม ซึ่งกว่าจะมาเป็นไม้กอล์ฟที่มีเทคโนโลยีต่างๆ ที่ช่วยให้นักกอล์ฟสวิงได้ง่าย และสามารถเล่นได้ทุกเพศทุกวัยนั้น มีประวัติความเป็นมาอย่างไรบ้าง ครั้งนี้ HotGolf ขอเล่าย้อนไปถึงประวัติศาสตร์ของไม้กอล์ฟตั้งแต่ในยุคแรกๆ

เกมกอล์ฟนั้นมีอายุมานานมาก ย้อนไปตั้งแต่ช่วงทศวรรษที่ 1400 ในสกอตแลนด์ ดังนั้นแล้วก็เป็นเรื่องธรรมดาหากไม้กอล์ฟจะมีประวัติความเป็นมาที่ยาวนานเช่นกัน เรียกได้ว่าพัฒนามาไกลจากไม้กอล์ฟที่ทำขึ้นจากไม้ และลูกกอล์ฟที่ทำจากหนัง และขนนก โดยวิวัฒนาการไม้กอล์ฟที่ทันสมัยขึ้น เป็นอุปกรณ์ชนิดใหม่ โดยเริ่มจากการประดิษฐ์ก้านเหล็กในช่วงต้นปี 1900

ก้านเหล็กชุดแรกบางส่วนมาจากผู้ผลิตคันเบ็ดตกปลาในสหราชอาณาจักร Britain โดยใช้ชื่อ Apollo และพัฒนาขึ้นในช่วงต้นปี ค.ศ.1920 ตัวไม้นั้นมีความสม่ำเสมอมากกว่าด้ามแบบไม้ที่พวกเขาพยายามจะเปลี่ยนแปลงมัน แต่ก็มีนักกอล์ฟหลายๆ คนที่ยังถือว่ามันไม่ตอบโจทย์เท่าที่ควร ในช่วงเวลาหลายปีหลังจากนั้น ก้านเหล็กก็ยังไม่เป็นที่นิยมมากนัก หลังจากการเปิดคอนเซ็ปต์ใหม่ไป จนถึงปี ค.ศ.1924 ทาง United States Golf Association : USGA (สมาคมกอล์ฟแห่งสหรัฐอเมริกา) ก็ได้ตัดสินว่าเป็นอุปกรณ์ที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด ซึ่งมันทำให้ R&A หน่วยงานกำกับดูแลกอล์ฟทั่วโลก ใช้เวลาปรับปรุงใหม่เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อที่จะทำให้มันถูกกฎหมายได้ในปี ค.ศ.1929

ซึ่งในปีเดียวกันนั้น True Temper ได้พัฒนาก้านเหล็ก และพัฒนากระบวนการเพื่อลดระดับขั้นตอนลง หรือสร้าง “วิธีการผลิตแบบใหม่” ซึ่งเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วในตอนนี้ ซึ่งขั้นตอนเหล่านี้สามารถทำให้ก้านเคลื่อนไปรอบๆ และเปลี่ยนองศาการโค้งงอได้ ซึ่งทำให้นักกอล์ฟมีตัวเลือกมากขึ้นในการค้นหาอุปกรณ์ที่เหมาะสม และเหมาะกับตัวเองมากขึ้น

ส่วนไม้ใหญ่ที่สุด หรือในปัจจุบันเราเรียกมันว่าไดรเวอร์ ซึ่งชื่อนี้มาจากแนวคิดที่ว่า ไม้ที่ยาวที่สุดควรจะนำพาลูกไปให้ไกลที่สุดจากแท่นทีออฟ และด้วยเหตุนี้จึงใช้ชื่อว่า “ไดรเวอร์” โดยหัวไม้นั้นทำจากต้นลูกพลับ เนื่องจากลักษณะเนื้อไม้มีความหนาแน่นสูง ในการทำหัวไม้นี้ให้มีน้ำหนักมากขึ้นตามที่ต้องการ จะต้องติดตั้งตุ้มน้ำหนักภายในด้วย ตุ้มน้ำหนักตะกั่ว
ด้วยความที่ไม้จากต้นลูกพลับมีราคาสูงขึ้น และความนิยมในการเล่นกอล์ฟเพิ่มมากขึ้น ผู้ผลิตหลายรายจึงเปลี่ยนจากการใช้ไม้ลูกพลับไปเป็นลามิเนต ซึ่งการเปลี่ยนแปลงดังกล่าวทำให้ไม้กอล์ฟมีความทนทานมากขึ้น และประวัติศาสตร์ของไม้กอล์ฟก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วย ซึ่งบริษัทเหล่านั้นก็ได้แก่ Wilson, Spalding, MacGregor แม้แต่ Ping ด้วยการเปิดตัวไดรเวอร์ Karsten ไดรเวอร์ และไม้วูดส์ ในขณะที่เทคโนโลยีก้าวไปข้างหน้า บริษัทอื่นๆ ก็เริ่มใช้วัสดุต่างๆ เช่น คอมโพสิตกราไฟท์เพื่อทำไม้ และเท่าที่ทำนั้น ทำให้ไม้มีประสทธิภาพและเพิ่มความทนทานได้มากขึ้น

ในปี ค.ศ.1979 นั้นการพัฒนาก็ได้ก้าวกระโดอีกครั้งเมื่อ Gary Adams มีความคิดที่จะทำไม้วูดส์กลายเป็นอดีตเขากู้เงิน 24,000 เหรียญจากบ้านของเขาเพื่อเริ่มสร้าง TaylorMade Golf ผลิตภัณฑ์แรกที่ออกสู่ตลาดคือไดรเวอร์เหล็ก 12 องศา ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไม้กอล์ฟเลยก็ว่าได้

ตั้งแต่นั้นมา เทคโนโลยีไม้เหล็กได้ก้าวไปข้างหน้าอย่างก้าวกระโดด เปลี่ยนจากเหล็กเป็นไททาเนียม และไททาเนียมเป็นวัสดุหลายชิ้นที่มีการออกแบบตามหลักเอโร่ไดนามิคที่สร้างขึ้นเพื่อความเร็ว กฎของการเล่นกอล์ฟนั้นได้จำกัดไซส์ และสปริงเอฟเฟกต์ของไดร์ฟเวอร์ แต่ผู้ผลิตยังคงสร้างสรรค์สิ่งใหม่ๆ และทำไดรเวอร์ให้เร็วและให้ค่าฟอกิฟเนสเพิ่มขึ้น

ประวัติศาสาตร์ของเหล็ก
จนกระทั่ง Karsten Solheim และ Ping ได้มาเห็นเหล็กจริงๆ การออกแบบเหล็กส่วนใหญ่ยังคงเหมือนเดิม คือมีใบเหล็กที่บาง และไม่ค่อยให้ค่าฟอกิฟเนส จะบอกว่าเหมือนกันหมดก็คงไม่ใช่ เรียกได้ว่าเป็นเหมือนขั้นแรกของการวิวัฒนาการก็ว่าได้

Karsten Solheim ได้ออกแบบเหล็กที่ช่วยลดความรุนแรงจากการตีช็อตที่ไม่ตรงกลางหน้าไม้ และได้เกิดโมเดลใหม่ขึ้นในช่วงนั้นก็คือ Ping 69 เพียงไม่กี่ปีต่อมาในปี ค.ศ1982 เหล็กที่ได้รับความนิยมมากที่สุดตลอดก็คือ Ping Eye 2 ถูกปล่อยออกมา และนี่คือจุดที่เทคโนโลยีเหล็กเปลี่ยนจากก้าวเล็กๆ ไปสู่สิ่งที่ยิ่งใหญ่ขึ้น

หัวเหล็กแบบโพรงทำให้เกมสนุก และง่ายขึ้น เพราะการออกแบบช่วยลดความรุนแรงของการตีพลาด และทำให้ลูกลอยขึ้นไปในอากาศได้ง่ายขึ้น ซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นประโยชน์สำหรับนักกอล์ฟทุกระดับ แม้แต่มืออาชีพ เช่นเดียวกับไดรเวอร์ ในทศวรรษที่ผ่านมา ได้เห็นการเปิดตัวของการออกแบบวัสดุหลายชนิดที่เร็ว และยาวขึ้น พร้อมให้ค่าฟอกิฟเนสที่เพิ่มมากขึ้น ซึ่งวางขายอยู่ทั่วตลาด เนื่องจากการออกแบบ และเทคนิคการผลิต CAD ไปได้ไกลเกินกว่าจะจินตนาการได้เมื่อสิบปีที่แล้ว

เรียกได้ว่าไม้กอล์ฟนั้น มีการพัฒนามาตั้งแต่ยุคสมัยแรกๆ จากไม้เปลี่ยนเป็นเหล็ก จากเหล็กก็กลายเป็นไททาเนียม ทั้งไดรเวอร์ เหล็ก เทคโนโลยีนั้นยังคงพัฒนา และเดินหน้าต่อไป ซึ่งผู้ที่จะได้ประโยชน์จากความก้าวหน้าเหล่านี้ก็คงไม่พ้นนักกอล์ฟ ที่จะได้เห็นดีไซน์ใหม่ๆ เทคโนโลยี นวัตกรรมตัวใหม่ๆ ที่จะช่วยทำให้การเล่นกอล์ฟของคุณนั้นง่ายขึ้น สนุกขึ้น และนักกอล์ฟอยากเห็นเทคโนโลยีอะไรใหม่ๆ บ้างลองมาแชร์ดูกันได้

**สั่งซื้อสินค้ากอล์ฟออนไลน์จากทุกแบรนด์ชั้นนำ ผ่าน HotGolf Shop สอบถามสินค้าได้ที่คลิก https://line.me/R/ti/p/%40otgolf