Site icon เว็บไซต์ HotGolfClub.com เว็บไซต์กีฬากอล์ฟอันดับหนึ่ง ในการนำเสนอข้อมูลข่าวสาร ที่เป็นประโยชน์ต่อวงการกอล์ฟ และอยู่เคียงคู่กับนักกอล์ฟมายาวนานกว่า 20 ปี

คุณวัชระ กาฬภักดี “ลูกกอล์ฟ Pro V1 จะช่วยให้นักกอล์ฟเล่นได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นมา”

เปิดตัวพร้อมวางขายอย่างเป็นทางการเป็นที่เรียบร้อยแล้ว สำหรับลูกกอล์ฟที่ได้รับการยอมรับว่าเป็นลูกกอล์ฟอันดับ 1 ของเกมกอล์ฟอย่าง Titleist Pro V1 และ Pro V1x รุ่นใหม่ประจำปี 2019

Titleist Pro V1 และ Pro V1x รุ่นใหม่เปิดตัวมาด้วยคอนเซ็ปต์เน้นการสร้างระยะทางได้ไกลกว่าเดิม แต่ขณะเดียวกันก็ยังคงรักษาสิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของลูกกอล์ฟรุ่นนี้เอาไว้ โดยเฉพาะคุณสมบัติสปินสูงในช็อตขึ้นกรีน ตีแล้วตกหยุด เหมือนกับที่นักกอล์ฟได้เชื่อมั่นเสมอมา

ในงานเปิดตัวที่สนามกอล์ฟธนาซิตี้ คันทรีคลับ เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา ทีมงาน HotGolf มีโอกาสได้สัมภาษณ์ คุณวัชระ กาฬภักดี, ผู้จัดการฝ่ายผลิตภัณฑ์และการตลาด บริษัท แอคูชเน็ท กอล์ฟ (ประเทศไทย) จำกัด ที่มาแนะนำประสิทธิภาพของ Pro V1 และ Pro V1x รุ่นใหม่ ซึ่งแม้มันจะเป็นลูกกอล์ฟที่ดีที่สุดที่นักกอล์ฟทุกคนเชื่อมั่น แต่ คุณวัชระ ยืนยันว่า นี่คือ Pro V1 และ Pro V1x เวอร์ชั่นใหม่ที่ปรับเปลี่ยนใหม่แทบทั้งหมดเลยทีเดียว!

HG : Pro V1 รุ่นใหม่มีการพัฒนา หรือแตกต่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่างไร
คุณวัชระ : เรานำสิ่งที่ดีที่สุดจากลูกกอล์ฟ Pro V1 รุ่นปี 2017 ที่ประสบความสำเร็จในทุกด้าน ทั้งจากฟีดแบ็คในทัวร์, ผลตอบรับของนักกอล์ฟสมัครเล่นทั่วไป และยอดขาย จริงๆ แล้วใน Pro V1 รุ่นใหม่ปี 2019 เป็นการเปลี่ยนแปลงในส่วนโครงสร้างของลูกกอล์ฟใหม่ทั้งหมด แต่ยังคงไว้ซึ่งฟีลลิ่งที่นักกอล์ฟชื่นชอบ, สปินในการเล่นลูกสั้นที่ดีที่เป็นปัจจัยสำคัญในการช่วยลดสกอร์ รวมถึงการแอพโพรชลูกตกหยุดบนกรีน คุณสมบัติทั้งหมดนี้ยังคงอยู่เช่นเดิม แต่สิ่งที่เหนือจากรุ่นก่อนคือ การตีได้ไกลขึ้นทั้ง Pro V1 และ Pro V1x ความเร็วลูกกอล์ฟสูงขึ้น ทั้งในช็อตไดร์ฟ และช็อตยาว

HG : แนวคิดในการพัฒนา Pro V1 รุ่นใหม่
คุณวัชระ : หลักการของการพัฒนาลูกกอล์ฟรุ่นใหม่มาจากการที่เราสอบถามถึงความต้องการของนักกอล์ฟในทัวร์ ส่วนใหญ่แล้วต้องการระยะที่เพิ่มมากขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ไม่ต้องการสูญเสียประสิทธิภาพในส่วนอื่นไป เราจึงนำวัสดุที่ช่วยในการเพิ่มความเร็วมาใส่ในลูกกอล์ฟมากขึ้น และลดวัสดุที่ไม่ได้เพิ่มความเร็วออกไป โดยตามหลักเครื่องยนต์ของลูกกอล์ฟนั้นคือ “แกนใน” ส่วนด้านในอื่นๆ ไม่ใช่ส่วนที่ช่วยในการเพิ่มระยะ เราจึงเพิ่มในส่วนของเปลือกหุ้มแกนในให้หนายิ่งขึ้น และลดขนาดของเปลือกนอกที่ไม่ได้ช่วยในการสร้างระยะให้มีความบางลง บางลงที่สุดในระดับที่ยังคงไว้ซึ่งอัตราสปินที่ดี, ทนทานสูงเช่นเดิม และฟีลลิ่งที่ดีเหมือนเดิมเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้

HG : เปลือกที่บางลง จะส่งผลต่อความทนทานหรือไม่
คุณวัชระ : ลูกกอล์ฟของ Titleist นั้นต่างจากแบรนด์อื่นๆ เนื่องด้วยในวัสดุยูรีเทนที่เรานำมาทำเปลือก เป็นวัสดุที่เราคิดค้นสูตรและผสมขึ้นมาเองทั้งหมด ทำให้เราสามารถคิดค้นสูตรที่ทำให้เปลือกมีความทนทานขึ้น, นุ่มขึ้น หรือแม้แต่แข็งขึ้นได้ ขณะที่ในรุ่นใหม่นี้เราปรับสูตรเพื่อเอื้อให้สามารถออกแบบได้บางขึ้น แต่ขณะเดียวกันก็ยังรักษาไว้ซึ่งความทนทานเหมือนกับรุ่นก่อนหน้านี้

HG : นอกเหนือจากลูกกอล์ฟแล้ว กล่องลูกกอล์ฟรุ่นใหม่ก็ต่างไปจากเดิมมาก
คุณวัชระ : แน่นอนว่าเรามีการเปลี่ยนแปลงแพ็คเกจจิ้งในทุกรุ่น เพื่อให้สินค้าของเรามีความสดใหม่ จริงๆ แล้วทีมออกแบบมีการออกแบบแพ็คเกจจิ้งมาหลายแบบมาก กระทั่งมาถึงแบบที่ใช้ในการวางขายจริงที่มีความโดดเด่นมากที่สุด เมื่อนักกอล์ฟได้เห็นก็จะรู้ว่ามันเป็นแพ็คเกจจิ้งที่สะดุดตา และดูมีจุดเด่น โดยเฉพาะสีที่โดดเด่นมาก

HG : คุณสมบัติการตีไกลเมื่อเทียบกับลูกกอล์ฟ AVX
คุณวัชระ : ต้องยอมรับว่าการพัฒนาประสิทธิภาพลูกกอล์ฟนั้น มีทั้งการ “ได้” และ “เสีย” อันที่จริงแล้วเราสามารถทำให้ลูกกอล์ฟ Pro V1 เป็นลูกกอล์ฟที่ตีได้ไกลกว่านี้ แต่นั่นหมายถึงว่าต้องเสียคุณสมบัติดีในด้านอื่นไป ใน AVX นั้นเป็นลูกกอล์ฟที่เน้นการสร้างระยะทางเป็นหลัก ทำให้มันเป็นรุ่นที่ถูกออกแบบมาให้สร้างระยะทางได้ไกลกว่า Pro V1 อยู่แล้ว แต่ก็ส่งผลให้มันเป็นรุ่นที่ไม่สามารถสร้างสปินได้เทียบเท่ากับ Pro V1 โดยเฉพาะเมื่อเรายังต้องการรักษาคุณสมบัติในการเล่นลูกสั้นที่ยอดเยี่ยมของ Pro V1 เอาไว้ แต่แน่นอนว่านักกอล์ฟที่ได้ทดสอบ Pro V1 จะรู้สึกได้เลยว่ามันสามารถตีได้ไกลขึ้น รวมถึงการมีสปินที่ต่ำลงในช็อตยาว

HG : Pro V1 และ Pro V1x ในรุ่นใหม่ต่างกันอย่างไร
คุณวัชระ : ทั้ง Pro V1 และ Pro V1x ต่างกันในสามด้านหลัก แต่ยกเว้นด้านระยะที่ทั้งสองรุ่นถือว่าใกล้เคียงกันมาก ปัจจัยอยู่ที่นักกอล์ฟว่ามีวิถีลูกแบบไหน และตีมีสปินมากน้อยเท่าใด ส่วนสามด้านที่แตกต่างของลูกกอล์ฟทั้งสองรุ่นคือ วิถีลูกที่ Pro V1 ต่ำกว่า ด้วยค่าคอมเพรสชั่นที่ต่ำกว่า และรอยบุ๋มเยอะกว่า ทำให้ Pro V1 เป็นลูกที่มีไฟลท์บอลพุ่งมากกว่า, ด้านฟีลลิ่งที่ Pro V1 นุ่มกว่า และสุดท้ายคือ สปินที่ Pro V1 สปินต่ำกว่า Pro V1x เล็กน้อย

HG : ฟีดแบ็คจากนักกอล์ฟในทัวร์
คุณวัชระ : ฟีดแบ็คดีมากครับ นักกอล์ฟหลายคนมีฟีดแบ็คในเชิงบวกที่แตกต่างกันไป แต่นักกอล์ฟในทัวร์ส่วนใหญ่จะชอบในจุดที่ช่วยให้สามารถตีได้ไกลขึ้นกว่าเดิม แม้แต่ในช็อตเหล็กก็ตาม ขณะที่หลายคนก็รู้สึกว่ารุ่นใหม่นี้นุ่มขึ้น และสปินสูงขึ้น โดยฟีดแบ็คที่เราได้รับนั้นหลากหลายมาก แต่ทั้งหมดเป็นไปในเชิงบวก

HG : อะไรคือสิ่งที่นักกอล์ฟชอบมากที่สุดใน Pro V1 รุ่นใหม่
คุณวัชระ : ส่วนใหญ่จะชอบเรื่องสปิน เพราะนี่คือเอกลักษณ์ของ Pro V1 เสมอมา ในการตีลูกตกหยุด ทำให้การคอนโทรลค่อนข้างง่าย แต่ในหลายคนที่รู้สึกได้ระยะเพิ่มมากขึ้น ก็จะชอบในด้านนี้เป็นพิเศษ

HG : ทำไมยังคงเลือกคงโครงสร้าง 3 ชั้น และ 4 ชั้นเอาไว้
คุณวัชระ : อันดับแรกต้องขออธิบายเรื่องชั้นก่อนว่า ชั้นของลูกกอล์ฟนั้นจะมีผลต่อการสร้างระยะและสปินในอัตราความเร็วต่างๆ แต่จำนวนชั้นที่มากกว่าของลูกกอล์ฟไม่ได้แปลว่าเป็นลูกกอล์ฟรุ่นนั้นเป็นลูกกอล์ฟที่ดีกว่า แม้แต่ในลูกกอล์ฟ 2-3 ชั้นก็สามารถทำให้ประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าลูกกอล์ฟหลายชั้นได้ ยกตัวอย่างในกรณีของลูกกอล์ฟ Pro V1 ที่มี 3 ชั้น ส่งผลให้มีแกนในที่ใหญ่ เราเองมีกระบวนการที่ทำให้ส่วนของแกนด้านนอกนั้นแข็งกว่าด้านใน ส่งผลให้สามารถทำงานได้เหนือกว่าแกนลูกกอล์ฟทั่วไป ด้วยความแข็งที่ไม่เท่ากัน ช่วยในการลดสปิน แต่ยังคงความนุ่มของ Pro V1 เอาไว้ ซึ่งเป็นสิ่งที่สำคัญมากที่เรายังต้องการรักษาเอาไว้ เพราะในนักกอล์ฟบางกลุ่มเรื่องฟีลลิ่งความนุ่มนี้ถือเป็นสิ่งที่สำคัญมาก

HG : ประสิทธิภาพของลูกกอล์ฟในเกมพัตต์ต่างกันหรือไม่
คุณวัชระ : ถ้าพูดเฉพาะในไลน์ลูกกอล์ฟของ Titleist ผมมองว่า คุณสมบัติของลูกกอล์ฟในเรื่องของประสิทธิภาพของการพัตต์จะอยู่เรื่องที่ของความรู้สึกมากกว่า เพราะในกระบวนการผลิตของ Titleist เรามีขั้นตอนของการเอ็กซเรย์ลูกกอล์ฟ เพื่อดูว่าแกนกลางของลูกนั้นอยู่ตรงจุดกึ่งกลางหรือไม่ ทำให้ความสมดุลของลูกกอล์ฟในแต่ละรุ่นแต่ละลูกนั้นไม่แตกต่างกัน แต่เมื่อเทียบกับลูกกอล์ฟอย่าง Pro V1 ที่เราใช้วัสดุที่ดีกว่าในการทำเปลือก นั่นส่งผลให้ได้ความรู้สึกที่นุ่มกว่าในการพัตต์ แต่ในการกลิ้งของลูกถือว่าไม่ต่างกันมาก เว้นแต่ว่ากรณีที่นักกอล์ฟเคยใช้ลูกกอล์ฟรุ่นหนึ่ง แล้วเปลี่ยนไปใช้อีกรุ่นที่มีความแข็งกว่า และเปลือกนอกเป็นวัสดุต่างชนิดกัน ก็อาจจะทำให้ฟีลลิ่งที่ต่างออกไป รวมถึงน้ำหนักการพัตต์ก็จะต่างออกไปด้วย

HG : ฝากถึงนักกอล์ฟที่ยังไม่เคยใช้ Pro V1
คุณวัชระ : ผมอยากแนะนำไปยังนักกอล์ฟที่อยากเล่นกอล์ฟได้ดีขึ้น และถ้าไม่เคยใช้ Pro V1 มาก่อนเลย อยากให้ลองใช้สักครั้ง เพื่อให้รู้ว่า Pro V1 จะช่วยให้เกมของพวกดีขึ้นได้อย่างไร ผมมั่นใจว่าถ้าเขาได้ลองใช้รุ่นใหม่ของเราก็จะช่วยให้เขาเล่นกอล์ฟได้ดีที่สุดเท่าที่เคยเล่นมาอย่างแน่นอน