พัตต์ให้เฉียบคม…ด้วยพัตเตอร์ประสิทธิภาพสูง

การที่นักกอล์ฟจะสามารถทำผลงานได้ดีนั้น มีหลากหลายปัจจัยที่้ต้องคำนึงถึง ไม่ว่าจะวงสวิง, การวางแผน และความมั่นใจ…เช่นเดียวกับอุปกรณ์ในถุง ที่คุณจะสามารถทำผลงานได้ดีก็ต่อเมื่อมั่นใจกับอุปกรณ์ที่ถืออยู่ในมือเท่านั้น

อุปกรณ์แต่ละชิ้นที่อยู่ในถุงของนักกอล์ฟนั้นก็ต่างมีหน้าที่ที่แตกต่างกัน แต่อุปกรณ์ที่สมควรลงทุนเพื่อสร้างความมั่นใจให้กับเกมของคุณ หนึ่งในนั้นสมควรต้องยกให้กับ “พัตเตอร์” ที่ถือเป็นดาบสุดท้ายในการพิชิตทุกหลุมทั้ง 18 หลุม และผลงานเรกูลาร์ออนของคุณจะเปล่าประโยชน์ทันที ถ้าออก 3 พัตต์

เพื่อหลีกเลี่ยงการพัตต์ที่ผิดพลาด และเพิ่มความมั่นใจให้เกมพัตต์ ในครั้งนี้ทีมงาน HotGolf ได้คัดพัตเตอร์รุ่นเด่นประสิทธิภาพสูงมาเป็นตัวเลือกให้กับคุณ สำหรับนำไปพัฒนาเกมพัตต์ของคุณมีความแน่นอนและเฉียบคมมากยิ่งขึ้น

Scotty Cameron Futura
ปีนี้ถึงคราวที่ Scotty Cameron ปล่อยซีรี่ส์ Futura ออกมา สลับกับตระกูล Select กับ 7 พัตเตอร์ทรงมัลเล็ทประสิทธิภาพสูง ค่า MOI สูง ที่ยังคงมาพร้อมกับเทคโนโลยีโครงสร้างแบบผสานวัสดุหลากชนิด เพื่อให้การชดเชยความผิดพลาดและฟีลลิ่งในการพัตต์ที่ดีที่สุด
สำหรับตระกูล Futura ของ Scotty Cameron รุ่นล่าสุดนั้น มีทั้งพัตเตอร์ทรงมัลเล็ทขนาดกลางและขนาดใหญ่ โดยทั้ง 7 โมเดล ประกอบด้วย 5CB, 5MB, 5W, 5S, 6M , 6M Dual Balance และ 7M มาพร้อมรูปลักษณ์ใหม่ด้วยการใช้ดีไซน์ส่วนสเตนเลสให้เป็นสี Silver Mist ดูสะดุดตาและลดการสะท้อนแสง รวมถึงชิ้นของอลูมิเนียมที่ฐานด้านล่าง ทำสีดำอโนไดซ์ พร้อมการตกแต่งด้วยจุดแดงสว่างที่เป็นเอกลักษณ์ รวมถึงตัวกริพแบบใหม่ Black Matador Mid-size ที่ตกแต่งด้วยสีแดง และทอง ออกแบบให้มีความสบายขณะจับกริพ พร้อมให้ความรู้สึก และการตอบสนองที่ยอดเยี่ยม
ขณะที่ถึงแม้ตระกูล Futura จะยึดคอนเซ็ปต์เป็นพัตเตอร์ทรงมัลเล็ท ถ่วงน้ำหนักแบบ Face Balance แต่ด้วยผลงานที่ยอดเยี่ยมของทัวร์สตาฟฟ์ของพวกเขาอย่าง จัสติน โธมัส เจ้าของแชมป์เมเจอร์ พีจีเอ แชมเปี้ยนชิพ และซีรี่ส์เฟดเอ็กซ์คัพ ในปีที่ผ่านมา จึงมีการผลิตโมเดลพิเศษตามความต้องการ โธมัส กับรุ่น 5.5M ที่ปรับจาก 7M โดยลดขนาดลง 10% เสียบคอไม้แบบ single bend และวางน้ำหนักหัวแบบ toe hang เหมาะกับนักกอล์ฟที่มีแนวพัตต์แบบโค้ง โดยใช้เทคนิคเสียบคอให้เยื้องออกจากท็อปไลน์ ซึ่งยังช่วยให้ได้มุมมองการจรดลูกที่สะอาดตาอีกด้วย

Scotty Cameron & Crown
หลังจากปล่อยซีรี่ส์หลักอย่าง Futura ออกมาแล้ว ทาง Scotty Cameron ยังผุดซีรี่ส์เสริมออกมาต่อเนื่องกันที่เปิดตัวออกมาเป็นครั้งแรกกับซีรี่ส์ Cameron & Crown ที่นำ 4 โมเดลยอดนิยมคือ Newport 2, Newport M2, GOLO 5 และ Futura X5R มาปรุงแต่งใหม่ใช้ความยาวก้านขนาด 33 นิ้ว และดีไซน์จัดวางน้ำหนักภายในหัวอย่างเหมาะสม เพื่อนักกอล์ฟที่มีสรีระไม่สูงมาก พร้อมเสริมความพิเศษด้วยการใช้รูปลักษณ์แบบใหม่ที่ให้ความพรีเมี่ยม ด้วยการเลือกใช้สีโลหะและสีเงินผสมผสานกัน รวมถึงจุด Red Dots ที่ก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีขาวแทน
Cameron & Crown นั้นได้รับการตอบรับที่ยอดเยี่ยมทันที หลังเปิดตัววางขายออกมา จน Scotty Cameron ต้องขยายไลน์เพิ่ม ด้วยการใส่โมเดลอื่นๆ ออกมาเพิ่มเติมอย่าง Newport M1, Futura 5MB และ Futura 6M

Odyssey O-Works
ขึ้นชื่อว่าเป็นแบรนด์พัตเตอร์ที่มีเทคโนโลยีการอินเสิร์ทหน้าพัตเตอร์ที่ดีที่สุดแบรนด์หนึ่ง กับ Odyssey และปีที่ผ่านมาพวกเขาได้เผยเทคโนโลยีการอินเสิร์ทหน้าพัตเตอร์แบบใหม่ที่มีชื่อเรียกว่า “Microhinge” และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีตั้งแต่ยังเป็นตัวโปรโตไทป์ เมื่อถูกนักกอล์ฟหยิบเลือกใช้หลากหลายคน อาทิ ฟิล มิคเคลสัน หรือ รอรี่ แม็คอิลรอย ก่อนนำมันมาใช้เป็นครั้งแรกกับพัตเตอร์รุ่น O-Works
Microhinge เป็นรูปแบบหน้าพัตเตอร์ที่มีการออกแบบส่วนของสเตนเลสสตีลให้คล้ายกับ “ตะขอ” เพื่อให้เกิดการท็อปสปินทันทีเมื่อลูกอิมแพ็คกับหน้าพัตเตอร์ ลดการไถล และทำให้ลูกกลิ้งไปข้างหน้าได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากตัวตะขอดังกล่าวนั้นทำให้จะเกิดการเสียดทานระหว่างมันกับลูกกอล์ฟ ทำให้ลูกกลิ้งไปข้างหน้าได้อย่างแม่นยำมากกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็มีความอ่อนนุ่มเพื่อให้ฟีลลิ่งที่นุ่มนวล เสริมภายในหน้าพัตเตอร์ด้วยวัสดุเทอร์โมพลาสติก อีลาสโทเมอร์ เพื่อให้ฟีลลิ่งที่นุ่มนวลมากขึ้นไปอีก

O-Works Red & Black
และคงยากที่ปฏิเสธได้ว่า “สีแดง” คือสีที่ร้อนแรงที่สุดของปีนี้ โดยเฉพาะในส่วนของพัตเตอร์ ทาง Odyssey จึงส่งโมเดลพิเศษมาเพื่อสอดรับความสำเร็จของรุ่น O-Works ด้วยโมเดล Red ด้วยนัยที่ต้องการให้พัตเตอร์ของเขาร้อนแรงและเฉียบคมที่สุดบนกรีน
นอกจากนี้ยังมีอีกหนึ่งสีที่ถูกเปิดตัวมาคู่กัน กับรุ่น Black ที่มาด้วยคอนเซ็ปต์ให้รูปลักษณ์สะอาดตา ดูเรียบง่ายเมื่อจรดลูก อันมาจากฟีดแบ็คของนักกอล์ฟบางคนที่มองว่าไลน์ช่วยเล็งนั้นมีจุดให้มองมากเกินไป จึงเป็นที่มาของพัตเตอร์สีดำด้านที่ให้ความรู้สึกการเล็งแบบดั้งเดิมมากที่สุด

Odyssey Stroke Lab
ในขณะที่นักกอล์ฟบางส่วนอาจต้องการพัตเตอร์ที่นุ่มนวล แต่บางส่วนก็อาจต้องการพัตเตอร์ที่ให้ความรู้สึกเฟิร์ม และมีฟีดแบ็คกลับมาที่นักกอล์ฟ และนั่นคือคอนเซ็ปต์ของพัตเตอร์ Odyssey Stroke Lab ที่หน้าพัตเตอร์ไม่ได้มีการอินเสิร์ทตามแบบฉบับของ Odyssey เพื่อให้ฟีลลิ่งการอิมแพ็คที่หนักแน่น
นอกจากนี้ตัวพัตเตอร์ยังมีการออกแบบอที่ใช้ผลวิเคราะห์จากนักกอล์ฟทุกระดับฝีมือ โดย “Putting Lab” ที่ก่อตั้งขึ้นมาเป็นพิเศษ และมีดีไซน์น้ำหนักหัวไม้, ก้าน และกริพ ที่ให้ความสมดุลและเพิ่ม MOI เพื่อให้สโตรกพัตต์ที่นิ่งเสถียรมากขึ้น

Kasco Red 9/9
จัดเป็นหนึ่งในแบรนด์ที่พยายามเข้ามาเป็นตัวช่วยให้นักกอล์ฟได้มากที่สุด จึงทำให้ผลิตภัณฑ์ของ Kasco เน้นการตีง่าย แต่ได้ประสิทธิภาพสูงเป็นหลัก เช่นเดียวกับตัวพัตเตอร์รุ่น Red 9/9 ที่มีจุดเด่นคือออกแบบมาให้ตั้งไลน์เล็งได้ง่าย พัตต์ง่าย พัตต์แล้วลูกสามารถกลิ้งเกาะไลน์ได้มากขึ้น ด้วยเทคโนโลยีหน้าพัตเตอร์แบบ Diamond Cutting Process ที่ช่วยลดความผิดพลาดให้เหลือน้อยลง สามารถพัตต์เก็บระยะ 6 ฟุตได้อย่างแน่นอนมากขึ้น ตัวก้านดีไซน์น้ำหนักมาให้สมดุลกับหัวพัตเตอร์ โดยทาง Kasco การันตีจากการเก็บข้อมูลผู้ทดลองใช้ พบว่า สามารถพัตต์เข้าเป้าหมายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คิดเป็น 33% เลยทีเดียว มีให้เลือกสองโมเดลระหว่าง 9/9 RM-002 ทรงกึ่งเบลดกึ่งมัลเล็ท และ 2017-2018 Model ทรงมัลเล็ท

Cleveland TFi 2135 “Satin”
ทิ้งท้ายกันที่อีกหนึ่งแบรนด์พัตเตอร์ยอดนิยมอย่าง Cleveland ที่ส่งรุ่นใหม่ที่ยังคงมาพร้อมระบบเล็งพัตเตอร์อันเป็นเอกลักษณ์อย่าง 2135 Alignment Technology ด้วยการวางจุดเล็งไว้เหนือจาก 21.35 มิลลิเมตร ตรงกับจุดกึ่งกลางของลูกกอล์ฟ เพื่อให้สามารถเล็งพัตต์ได้อย่างแม่นยำมากกว่าเดิม
นอกจากระบบเล็งดังกล่าวแล้ว TFi 2135 “Satin” รุ่นใหม่ของ Cleveland ยังมีการพัฒนาการเซาะร่องหน้าพัตเตอร์ที่ช่วยปรับความเร็วให้เหมาะสม (Speed Optimized Milling) ช่วยปรับการถ่ายโอนพลังงาน เพื่อให้การพัตต์ทุกๆ ครั้งมีระยะทางเท่ากัน ไม่ว่าจะตีถูกส่วนไหนของหน้าพัตเตอร์ รวมถึงเนื่องด้วย MOI ที่แตกต่างกันไปตามโมเดล ปริมาณของการปรับแก้ความเร็วลูกจะถูกปรับอย่างเฉพาะเจาะจงสำหรับหัวพัตเตอร์แต่ละแบบ ทำให้นักกอล์ฟที่ใช้งานพัตเตอร์จะสามารถมั่นใจได้ว่า ทุกรุ่นจะมีระดับการปรับแก้ความเร็วอย่างเที่ยงตรง ที่จำเป็นสำหรับการควบคุมระยะทางที่สม่ำเสมอ ไม่ว่าคุณจะเลือกใช้โมเดลไหนก็ตาม